ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ จับมือยกระดับการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน
ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 เพื่อเป็นแนวปฏิบัติขั้นต่ำให้สถาบันการเงิน (สง.) ทุกแห่งปฏิบัติตามเป็นมาตรฐานเดียวกันในการดูแลการทำธุรกรรมทางการเงินตลอดเส้นทาง
ทั้งการป้องกัน การตรวจจับ และการตอบสนองและรับมือ ซึ่งจะช่วยการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนทำได้รวดเร็ว
และครอบคลุมมากขึ้น
นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ
สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. กล่าวว่า “ธปท. ในฐานะผู้กำกับดูแล
ให้ความสำคัญและ ไม่นิ่งนอนใจกับปัญหาภัยทางการเงินที่ประชาชนถูกหลอกลวง จึงได้ยกระดับให้เรื่องนี้เป็นความเสี่ยงสำคัญที่ทุกสถาบันการเงินจะต้องดูแลและบริหารจัดการอย่างจริงจัง
โดย ธปท. ได้ออกชุดมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน เพื่อช่วยให้ระบบการเงินมีความปลอดภัย
สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการทางการเงิน และเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว
ธปท. จึงได้เชิญผู้บริหารของสถาบันการเงินเข้าร่วมประชุมหารือและกำชับให้สถาบันการเงินทุกแห่งเร่งดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
และเตรียมความพร้อมรองรับการดำเนินงานตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสถาบันการเงินทุกแห่ง”
นายผยง ศรีวณิช
ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า “สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก ตระหนักถึงผลกระทบของภัยคุกคามทางการเงินที่ทวีความรุนแรง
พร้อมยกระดับความปลอดภัยของภาคธนาคาร เพื่อรับมือและจัดการภัยทางการเงินออนไลน์ ตามแนวทางการจัดการภัยทุจริตทางการเงินที่ได้มีการหารือร่วมกับทาง
ธปท. ให้ดียิ่งขึ้น ได้แก่ การป้องกัน ภาคธนาคารได้ร่วมมือกันงด การส่งข้อความ SMS ที่แนบลิงก์ในการติดต่อกับลูกค้าในระยะนี้
และเร่งพัฒนาระบบป้องกันการทำธุรกรรมทุจริตอย่างต่อเนื่อง การตรวจจับ ธนาคารสมาชิกอยู่ระหว่างนำเทคโนโลยีมาช่วยตรวจจับธุรกรรมต้องสงสัยให้ได้โดยเร็ว
โดยร่วมกันออกแบบและพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทุจริตในภาคธนาคาร (Central
Fraud Registry) เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชี ธุรกรรมต้องสงสัย
และบัญชีม้า ระหว่างธนาคารเพื่อดำเนินการติดตามป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น การตอบสนองและรับมือ จัดให้มีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (Hotline) 24 ชั่วโมง ตลอด 7
วัน ลูกค้าที่ตกเป็นเหยื่อสามารถแจ้งเหตุได้โดยตรง
ปัจจุบันมีธนาคารสมาชิกหลายแห่งเริ่มดำเนินการแล้ว
สำหรับมาตรการอื่นที่ระบบมีความซับซ้อนต้องใช้เวลาพัฒนา
สมาคมฯ และธนาคารสมาชิก จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จทันตามกรอบเวลา นอกจากนี้ ยังพร้อมร่วมมือกับหน่วยงานอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้องเช่น ผู้ให้บริการ e-wallet ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาทุจริตภัยการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
และครอบคลุมทั้งระบบนิเวศแบบ end to
end ที่มิจฉาชีพชอบใช้หลอกลวง”
นายฉัตรชัย ศิริไล ประธานสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวว่า “เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของสถาบันการเงินของรัฐส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายย่อย
ซึ่งมีความเสี่ยงถูกหลอกลวง การดูแล ความปลอดภัยในการใช้บริการทางการเงินให้กับลูกค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญ
สมาคมฯ และสถาบันการเงินสมาชิกพร้อมให้ความร่วมมือกับ ธปท. และสมาคมธนาคารไทยในการจัดการเรื่องดังกล่าว ที่ผ่านมาสถาบันการเงินสมาชิกหลายแห่ง ได้มีแนวทางการป้องกันภัยทุจริตทางการเงินต่าง
ๆ อย่างต่อเนื่อง และให้ความรู้ประชาชน โดยเฉพาะการออกประกาศเตือนการไม่ส่งลิงก์ต่่าง ๆ ให้กับลูกค้าและประชาชน
และการเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุภัยทางการเงิน ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงจาก การถูกหลอกลวงแล้ว ยังสามารถนำข้อมูลที่ได้รับจากการร้องเรียนมาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางและพัฒนาระบบการป้องกันภัยทุจริตทางการเงินที่จะเกิดในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในครั้งนี้
สมาคมฯ และสถาบันการเงินสมาชิก จะร่วมมือเร่งยกระดับการดำเนินการตามมาตรการของ
ธปท. ให้ได้ตามกำหนดเวลา เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างเท่าทัน เพราะภัยทุจริตมีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงเร็ว
ขณะเดียวกันยังคงเดินหน้าให้ความรู้
ความเข้าใจ และเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องให้กับประชาชน ให้รู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ
และยังพร้อมร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว”
ธปท. สมาคมธนาคารไทย
และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ มุ่งหวังว่ามาตรการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการร่วมกัน
ทั้งที่มีผลแล้วและที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จะช่วยยกระดับการจัดการภัยทางการเงินของสถาบันการเงินได้อย่างเท่าทัน
มีประสิทธิภาพ และครบวงจร เพื่อป้องกันความเสียหายและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน นอกจากนี้
ภาคธนาคารและสถาบันการเงินของรัฐยังอยู่ระหว่างการเร่งเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ
พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ครอบคลุมขึ้น
ซึ่งจะต้องอาศัยบทบาทของหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างบูรณาการ