ยอดขายซีพีเอฟไตรมาส 1 /65 เติบโต 16% ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุน ภาวะสุกรเวียดนามกลับสู่ภาวะปกติและมีแนวโน้มดีขึ้น
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
หรือ ซีพีเอฟ
รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2565 มีรายได้จากการขายจำนวน 138,887
ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
โดยเป็นรายได้จากการขายของกิจการประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 และรายได้จากการขายของกิจการต่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ
18
บริษัท ฯ รายงานกำไรสุทธิ จำนวน 2,842
ล้านบาท ลดลงร้อยละ 59 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักที่ทำให้กำไรลดลง
มาจากราคาสุกรในประเทศเวียดนามและประเทศจีนอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีระดับราคาสูงจากภาวะขาดแคลนสุกรจากโรคระบาด
ประกอบกับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ
ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
นับเป็นช่วงเวลาที่มีความท้าทายในการดำเนินธุรกิจค่อนข้างมาก
จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ที่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคทั่วโลก และรูปแบบการดำเนินธุรกิจ นอกจากนั้น
กรณีความขัดแย้งของประเทศรัสเซียและประเทศยูเครน
ทำให้เกิดความท้าทายและความผันผวนทางเศรษฐกิจ อาทิ อัตราแลกเปลี่ยน
การเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน
และการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
ปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลต่อต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ
มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและมีแนวทางในการปรับเปลี่ยนรูปแบบของธุรกิจให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการการผลิต และการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ
เพื่อให้ต้นทุนของธุรกิจอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้
ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ คาดว่า
ผลการดำเนินงานจากนี้ไปจะมีแนวโน้มที่ดี
จากการบริโภคที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
เริ่มคลี่คลาย ประเทศไทยและหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายการจำกัดการเดินทาง และแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
จากภาวะการขาดแคลนเนื้อสัตว์ในบางประเทศ รวมถึงปริมาณการส่งออกไก่ของไทยที่เพิ่มขึ้น
จึงมองว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมา./