กฟผ. พร้อมดูแลระบบไฟฟ้าให้มั่นคงทุกสถานการณ์
กฟผ. พร้อมดูแลระบบไฟฟ้าประเทศไทยให้มั่นคงจากสถานการณ์ด้านเชื้อเพลิงจากแหล่งซอติก้า
การนําเข้า LNG
และน้ำมันดีเซล คาดสถานการณ์ด้านเชื้อเพลิงมีแนวโน้มคลี่คลายภายใน 2 สัปดาห์
ดร.จิราพร ศิริคํา รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์
ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า
ตามที่กระทรวงพลังงานประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(คณะอนุกรรมการบริหารจัดการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน)
ประกอบด้วยสำนักงานคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน (กกพ.) บริษัท ปตท. จํากัด
(มหาชน) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
(พพ.) และ กฟผ.
โดยเร่งด่วน ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขสถานการณ์และดําเนินการนำแหล่งก๊าซฯซอติก้า
กลับมาจ่ายก๊าซฯภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมปรับแผนจัดหาเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าให้มีความต่อเนื่องและคํานึงถึงความมั่นคงด้านพลังงานเป็นอันดับแรก
กฟผ. จึงเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ของเดือนสิงหาคมนี้จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
โดยไม่มีเวียนดับไฟฟ้า หรือ Partial Blackout อีกทั้ง
ปตท. ยืนยันว่า ในเดือนสิงหาคมมีปริมาณก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) สํารองเพียงพอรองรับการผลิตไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้า กฟผ. และ IPP อีกทั้งมีแผนนําเข้า LNG เพิ่มในเดือนกันยายนนี้
ทั้งนี้
กฟผ.
พร้อมร่วมมือกับทุกหน่วยงานดูแลรักษาความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศไม่ให้เกิดผลกระทบต่อ
การใช้ไฟฟ้าของประชาชนและทุกภาคส่วน
โดยปรับแผนบริหารเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าและ ดูแลระบบส่งไฟฟ้าให้พร้อมส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าเต็มความสามารถถึง
มือผู้ใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
กฟผ.
ขอยืนยันว่า ได้เร่งดำเนินการตามนโยบายรัฐในทุกมาตรการและพร้อมร่วมบริหารจัดการการใช้เชื้อเพลิงเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ อย่างไรก็ตามเพื่อลดการนำเข้าพลังงานและเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงเพื่อการผลิตไฟฟ้า
จึงขอความร่วมมือประชาชนใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ
เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง และช่วยให้ประเทศก้าวข้ามวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ด้วยดี
รวมถึงจะสามารถลดผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าของประชาชนได้ในที่สุด