SCB EIC ปรับประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2023 เพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านคน จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนและการฟื้นตัวที่ดีของนักท่องเที่ยวจากชาติอื่น
KEY SUMMARY
SCB EIC ปรับเพิ่มประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2023 มาอยู่ที่ 30 ล้านคน จากเดิม 28.3 ล้านคนการประกาศเปิดประเทศเต็มรูปแบบในทันทีของจีนจากที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจีนจะทยอยเปิดประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงต้นปีจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาท่องเที่ยวในไทยเร็วขึ้น แม้ว่าในระยะแรกอาจยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างจากค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในระดับสูงและจำนวนเที่ยวบินออกจากจีนที่เพิ่งเริ่มเปิดให้บริการ จึงส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่ออกเดินทางกลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงตามด้วยกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความกังวลด้านสุขอนามัยไม่มากนัก โดยตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไปจะเห็นนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยเร่งตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และคาดว่าในปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนมีโอกาสแตะ 4.8 ล้านคน ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวจากชาติอื่น ๆ ที่เดินทางมาไทยก็มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยแม้ในช่วงที่ผ่านมา หลายประเทศจะเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ เศรษฐกิจชะลอตัว หรือการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่ความต้องการท่องเที่ยวของคนทั่วโลกยังอยู่ในระดับสูงและฟื้นตัวได้เร็วจนปัจจุบันเริ่มใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว ทั้งนี้จากสัญญานเชิงบวกของการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนและแนวโน้มการฟื้นตัวดีขึ้นของนักท่องเที่ยวชาติอื่นส่งผลให้ SCB EIC ปรับเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมในปี 2023 มาอยู่ที่ 30 ล้านคนและคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในช่วงปลายปี 2024 การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนจะช่วยส่งเสริมให้ภาคธุรกิจใน Tourism ecosystem ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม สายการบิน บริษัททัวร์ รถเช่า สถานที่และกิจกรรมท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร สปาและเวลเนส รวมถึงบริการทางการแพทย์ โดยเฉพาะธุรกิจที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีนอย่างกรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ ซึ่งธุรกิจที่รองรับกลุ่มที่มีกำลังซื้อและกลุ่มธุรกิจจะได้อานิสงส์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนได้ก่อน และในช่วงไตรมาส 2 ธุรกิจที่รองรับนักท่องเที่ยวจีนทั่วไปจะได้อานิสงส์ตามมาจากกรุ๊ปทัวร์ราคาประหยัด นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปี 2023 จะสร้างรายได้ให้ประเทศรวมกว่า 1.2 ล้านล้านบาท โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นอีกราว 7 หมื่นล้านบาทจากที่เคยคาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งผลให้การจ้างงานในภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง รายได้แรงงานปรับดีขึ้นตลอดจนการบริโภคภาคเอกชนขยายตัว อีกทั้ง การกลับมาของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนชาวจีนจะเร่งให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนมากขึ้น ในภาพรวม SCB EIC ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.15pp เทียบกรณีฐานจากการปรับประมาณการนักท่องเที่ยวครั้งนี้ (คำนวณเฉพาะผลกระทบส่วนเพิ่มของการปรับประมาณการนักท่องเที่ยว) อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการควรเตรียมพร้อมรับมือการเร่งตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ควบคู่ไปกับการสร้างจุดแข็งให้กับสินค้าและบริการของตนเพื่อคว้าโอกาสจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยพิจารณา 4 แนวทางดังนี้ 1. การเตรียมพร้อมขยายขีดความสามารถในการให้บริการเพื่อบรรเทาปัญหาคอขวด ซึ่งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างต้นทุนค่าใช้จ่ายในช่วงที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวขยายขีดความสามารถการบริการให้รองรับปริมาณนักท่องเที่ยวจะเร่งตัวขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเปิดบริการห้องพักโรงแรม การเพิ่มจำนวนรถที่ให้บริการขนส่ง และพนักงานในร้านค้าร้านอาหาร 2. การยกระดับสินค้าและบริการให้ถูกใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งมาตรฐานของสินค้าและบริการ รูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ ราคาที่คุ้มค่า รวมถึงช่องทางการจ่ายเงินที่หลากหลายรูปแบบรองรับนักท่องเที่ยวในแต่ละประเทศ 3. การออกแบบแพ็กเกจบริการท่องเที่ยวครบวงจรในราคาเหมาะสม เพื่อรองรับเทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่ที่เน้นใช้จ่ายเพื่อสร้างประสบการณ์ อีกทั้ง แพ็กเกจที่นำเสนอควรมีความยืดหยุ่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่มีความสนใจที่หลายหลายมากขึ้น และ 4. การโปรโมตผ่านสื่อสังคมออนไลน์และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังพร้อมทั้งสร้างช่องทางการขายออนไลน์แบบ Omni channelจะช่วยส่งเสริมให้สินค้าและบริการเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติในวงกว้าง อีกทั้ง ช่องทางการขายออนไลน์พร้อมโปรโมชันราคาที่น่าดึงดูดจะสามารถเข้าถึงได้ง่ายและหากเป็นช่องทางแบบ Omni channel ด้วยก็จะยิ่งช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น |
|
SCB EIC ปรับเพิ่มประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2023 จาก 28.3 ล้านคนมาอยู่ที่ 30 ล้านคน จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนหลังประกาศเปิดประเทศเต็มรูปแบบและนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่ฟื้นตัวดีขึ้น
การประกาศเปิดประเทศเต็มรูปแบบในทันทีของจีนส่งผลให้ปีนี้นักท่องเที่ยวจีนมีโอกาสแตะ 4.8 ล้านคน การเปิดประเทศในทันทีของจีนตั้งแต่วันที่ 8มกราคม 2023ที่ผ่านมาถือเป็นการสร้างบิ๊กเซอร์ไพรส์เริ่มต้นปีใหม่หลังจากที่จีนยึดมั่นนโยบาย Zero Covid-19 อย่างเหนียวแน่นตลอด 3 ปี แม้จะเห็นสัญญาณบวกจากการลดความเข้มงวดของนโยบาย Zero Covid-19 มาอย่างต่อเนื่อง เช่น การอนุญาตให้ผู้เดินทางเพื่อธุรกิจสามารถเดินทางออกนอกประเทศ การเปิดให้นักศึกษาต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ หรือการลดระยะเวลาการกักตัวสำหรับผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ แต่การเปิดประเทศเต็มรูปแบบในทันทีของจีนจากที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจีนจะทยอยเปิดประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไปเช่นเดียวกับแนวทางการเปิดประเทศของหลายประเทศทั่วโลกนั้นจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาไทยเร็วขึ้นสะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นกว่า 64%MOM จาก 5.4 หมื่นคนในเดือนธันวาคม 2022 คาดว่าจะมาอยู่ที่ราว 9 หมื่นคนในเดือนมกราคม 2023 และมีแนวโน้มเร่งตัวสูงขึ้นจากนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์เนื่องจากไทยเป็น 1 ใน 20 ประเทศนำร่อง[1] ที่ทางรัฐบาลจีนอนุญาตให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบกรุ๊ปทัวร์ได้ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อีกทั้ง จากรายงานผลสำรวจความคิดเห็นของชาวจีนเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศหลังวิกฤตโควิด-19 ของหลายองค์กร เช่น Dragon Trail.com, Trip.com และ Global Times ยังพบว่า ไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวชาวจีนให้ความสนใจวางแผนเดินทางไปเที่ยวในปี 2023 ซึ่งจะยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มเดินทางมาไทยเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี ในระยะแรก การเดินทางออกนอกประเทศของนักท่องเที่ยวจีนอาจยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างจากค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในระดับสูงจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและจำนวนเที่ยวบินของสายการบินที่เพิ่งเริ่มเปิดให้บริการ อีกทั้ง นักท่องเที่ยวบางส่วนยังมีความกังวลด้านสุขอนามัย จึงส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่ออกเดินทางกลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงตามด้วยกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความกังวลด้านสุขอนามัยไม่มากนัก ทั้งนี้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไปคาดว่าข้อจำกัดการเดินทางจะเริ่มปรับลดลงจากที่สายการบินจะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินออกจากจีนมากขึ้นในตารางบินฤดูร้อนตามความต้องการเดินทางไปต่างประเทศของชาวจีนที่อยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะ กรุ๊ปทัวร์ ซึ่งจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยเร่งตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่อาจมีแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจของจีน การแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจ และค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวชะลอลง
ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวจากชาติอื่นที่เดินทางมาไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นและคาดว่าจะกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 ได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจากชาติอื่นเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 2 ล้านคนหรือฟื้นตัวเกือบ 85% แล้วเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2019 สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลกยังอยู่ในระดับสูงและฟื้นตัวได้เร็วนับตั้งแต่ไทยประกาศเปิดประเทศแบบไม่กักตัวในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2021 แม้หลายประเทศจะเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงในหลายด้าน ทั้งภาวะเงินเฟ้อ เศรษฐกิจชะลอตัว การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ และสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งแม้ในช่วงแรกส่งผลให้นักท่องเที่ยวรัสเซียที่เดินทางมาไทยหดตัวรุนแรง แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มผ่อนคลายและสายการบินสัญชาติรัสเซียกลับมาให้บริการในช่วงพฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวรัสเซียในเดือนธันวาคม 2022 ฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็วมาอยู่ที่ราว 1.8 แสนคนหรือ 80% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวเป้าหมายใหม่อย่างซาอุดีอาระเบียจากความสำเร็จของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียก็จะช่วยส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียเดินทางเข้าไทยเพิ่มสูงขึ้น
จากทิศทางเชิงบวกของการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนและแนวโน้มการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาติอื่นดังกล่าวส่งผลให้ SCB EIC ปรับเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมในปี 2023 มาอยู่ที่ 30 ล้านคนและคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในช่วงปลายปี 2024
การกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีนจะส่งเสริมให้ภาคธุรกิจต่าง ๆ ใน Tourism ecosystem ฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 2022 โดยเฉพาะธุรกิจที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวจีนค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม สายการบิน บริษัททัวร์ รถเช่า สถานที่และกิจกรรมท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร สปาและเวลเนส และบริการทางการแพทย์ โดยภาคธุรกิจที่ SCB EIC คาดว่าจะได้ประโยชน์ค่อนข้างสูงจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีน ได้แก่
ที่พักโรงแรม โดยเฉพาะโรงแรมที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีนอย่างกรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ ซึ่งในระยะแรก โรงแรม 4-5 ดาวที่รองรับกลุ่มที่มีกำลังซื้อและกลุ่มธุรกิจจะมียอดจองที่เร่งขึ้นก่อนตามด้วยโรงแรมที่พักประเภทอื่น ๆ จากกลุ่มนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ราคาประหยัดที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2
บริการขนส่ง ธุรกิจสายการบินจะได้รับประโยชน์จากการให้บริการเส้นทางบินระหว่างจีน-ไทยรวมถึงเส้นทางบิน
ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะสายการบินราคาประหยัดและสายการบินที่ให้บริการเช่าเหมาลำที่พึ่งพาตลาดนี้ค่อนข้างสูง ส่วนการเดินทางในประเทศ ผู้ให้บริการรถตู้หรือรถทัวร์นำเที่ยวซึ่งเน้นให้บริการนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ รวมถึงผู้ให้บริการรถเช่าที่รองรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม F.I.T คาดว่าจะมีการใช้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น
บริการนำเที่ยว ธุรกิจบริษัททัวร์ที่ให้บริการจัดทริปในไทยทั้งแบบกรุ๊ปทัวร์หรือกรุ๊ปส่วนตัว รวมถึงไกด์ท้องถิ่นกำลังได้รับติดต่อจากเอเย่นต์ในจีนเป็นจำนวนมากหลังจากจีนอนุญาตให้การท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์เดินทางมาไทยได้โดยเฉพาะกลุ่มพรีเมี่ยมจากการมาของนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง
ร้านค้าและร้านอาหาร ร้านค้าที่ขายสินค้ายอดนิยมของชาวจีนจะได้รับประโยชน์สูง เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพและสินค้าเสริมความงามแบรนด์ไทย สินค้าท้องถิ่นและของที่ระลึกจากตลาดนัด/ตลาดกลางคืนสินค้าแฟชั่นและแบรนด์เนมในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองรวมถึงสินค้าประเภทอาหารและผลไม้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ ในส่วนร้านอาหาร ร้านอาหารที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีนทั้งในกรุงเทพฯ อย่างย่านเยาวราช ถนนข้าวสาร และในต่างจังหวัดทั้งเชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ตจะมีลูกค้าชาวจีนเพิ่มมากขึ้น
บริการด้านสุขภาพและเวลเนส ธุรกิจโรงพยาบาลจะได้รับประโยชน์จากการเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นทั้งการรักษาโรค การตรวจและฟื้นฟูสุขภาพ และการฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบ mRNA รวมถึงธุรกิจเวลเนสส่งเสริมสุขภาพทั้งคลินิกเสริมความงาม ธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีน
กิจกรรมท่องเที่ยว ธุรกิจนันทนาการและการบันเทิง เช่น สวนสนุก การแสดงโชว์ สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมนันทนาการ ที่เน้นเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาเปิดให้บริการแบบเต็มรูปแบบมากขึ้นใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19
การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการจะเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ในปี 2023 โดยการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะสร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นอีกราว 7 หมื่นล้านบาทจากที่เคยคาดการณ์ไว้อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อคนต่อทริปในปีนี้ยังถือว่าต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 อยู่พอสมควร ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตชะลอลงได้สร้างแรงกดดันต่อกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่จะปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก ในภาพรวม การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจจากการจ้างงานที่ขยายตัว รายได้แรงงานปรับตัวดีขึ้น และจะส่งผลต่อเนื่องถึงการบริโภคภาคเอกชน อีกทั้ง การกลับมาของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนชาวจีนจะเร่งให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนมากขึ้นทั้งในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นอีกธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการเข้าซื้อ/โอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของชาวจีน
จากปัจจัยสนับสนุนข้างต้น SCB EIC ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2023 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.15pp เทียบกรณีฐานจากการปรับประมาณการนักท่องเที่ยวครั้งนี้ (คำนวณเฉพาะผลกระทบส่วนเพิ่มของการปรับประมาณการนักท่องเที่ยว)
ทั้งนี้ผู้ประกอบการควรเตรียมพร้อมรับมือควบคู่ไปกับการสร้างจุดแข็งให้กับสินค้าและบริการของตนเพื่อคว้าโอกาสจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เร่งตัวสูงขึ้นโดยอาจพิจารณา 4 แนวทางดังต่อไปนี้
(1) การเตรียมพร้อมขยายขีดความสามารถในการให้บริการเพื่อบรรเทาปัญหาคอขวด เนื่องจากปัญหาโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบให้หลายธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวต้องปิดตัว/ปรับลดขีดความสามารถการให้บริการลงไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่พัก ผู้ให้บริการขนส่ง และร้านค้าร้านอาหาร ซึ่งต่างปรับลดพนักงานบริการทั้งแบบประจำและชั่วคราว การปรับลดปริมาณห้องพักและบริการด้านอาหาร และการลด/ยกเลิกเช่ายานพาหนะเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวขยายขีดความสามารถการบริการให้รองรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะเร่งตัวขึ้นในปี 2023
(2) การยกระดับสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐานระดับสากลถูกใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยการนำเสนอสินค้า/บริการ ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับคุณภาพที่ได้มาตรฐาน รูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่สามารถดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวได้ ราคาที่คุ้มค่าและมีป้ายราคาที่ชัดเจนจริงใจต่อนักท่องเที่ยว รวมถึงรายละเอียดในภาษาต่าง ๆ ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และสุดท้ายควรมีช่องทางการจ่ายเงินที่หลากหลายรูปแบบรองรับนักท่องเที่ยวในแต่ละประเทศ
(3) การออกแบบแพ็กเกจบริการท่องเที่ยวอย่างครบวงจรในราคาที่เหมาะสม เพื่อรองรับเทรนด์
การท่องเที่ยวยุคใหม่ที่เน้นใช้จ่ายเพื่อสร้างประสบการณ์มากขึ้น โดยแพ็กเกจอาจครอบคลุมทั้งโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร การเดินทาง และกิจกรรมต่าง ๆ เช่น แอดเวนเจอร์ สุขภาพและเวลเนส การเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น การส่งเสริมสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ เป็นต้น นอกจากนั้น แพ็กเกจที่นำเสนอควรมีความยืดหยุ่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่มีความสนใจที่หลายหลายมากขึ้น
(4) การโปรโมตผ่านสื่อออนไลน์ในหลายช่องทาง พร้อมทั้งสร้างช่องทางการขายออนไลน์แบบ Omni channel โดยนักท่องเที่ยวยุคใหม่นิยมติดตามหาข้อมูลและท่องเที่ยวตามอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังในสื่อสังคมออนไลน์ทั้งใน Youtube, Tiktok, Instagram และ Facebook จึงทำให้การโปรโมตผ่านสื่อออนไลน์ผ่านอินฟลูเอนเซอร์ต่างชาติเหล่านี้ทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจจะช่วยส่งเสริมให้สินค้าและบริการเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติในวงกว้างได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้ง ผู้ประกอบการควรเตรียมช่องทางการขายออนไลน์พร้อมโปรโมชันราคาที่น่าดึงดูดในภาษาต่าง ๆ ที่ชัดเจนเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเข้าถึงได้ง่ายและหากยิ่งเป็นช่องทางแบบ Omni channel ด้วยก็จะยิ่งช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น
ภาคการท่องเที่ยวไทยที่มีสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากทั้งการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนตามการเปิดประเทศและการฟื้นตัวดีขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่น ๆ นอกจากจะช่วยให้ธุรกิจท่องเที่ยวได้รับอานิสงส์โดยตรงแล้ว ยังส่งผลบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในวงกว้าง โดยการเตรียมความพร้อมรับมือการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพของภาคการท่องเที่ยวไทยในการรองรับเทรนด์การท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ๆ จะช่วยส่งเสริมให้ไทยยืนหนึ่งในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลกได้อย่างยั่งยืน
บทวิเคราะห์โดย...https://www.scbeic.com/th/detail/product/tourism-150223