SCBX เร่งเครื่องหลังผู้ถือหุ้นไฟเขียววงเงินออกหุ้นกู้ ไม่เกิน 1 แสนล้านบาท เตรียมขยายธุรกิจตามยุทธศาสตร์ยานแม่
SCBX
(เอสซีบี เอกซ์) พร้อมลุยสร้างการเติบโตและขยายธุรกิจตามยุทธศาสตร์
“ยานแม่” หลังได้รับมติอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) ครั้งที่ 1/2566 วันที่ 19 มกราคม
2566 ในการออกและเสนอขายตราสารหนี้วงเงินไม่เกิน 100,000
ล้านบาทหรือเทียบเท่าในสกุลอื่น ในระยะเวลา 5 ปี
เพื่อรองรับการลงทุนตามแผนธุรกิจที่มุ่งเน้นขยายธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล (Consumer
Finance) ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) และธุรกิจแพลตฟอร์ม (Platform Business)
ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain
Technology) และเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Climate
Tech) ที่จะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจแห่งโลกอนาคต เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน
รองรับการขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาค พร้อมนำพาธุรกิจเติบโตแบบไร้ขีดจำกัด
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การได้รับอนุมัติวงเงินการออกตราสารหนี้ไม่เกิน
100,000 ล้านบาทหรือเทียบเท่าในสกุลอื่นของ SCBX นี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นต่อกลยุทธ์และความเข้มแข็งทางการเงินของบริษัท
เพื่อบริษัทจะได้มีความคล่องตัวในการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อดำเนินการตามแผนธุรกิจที่ได้วางไว้
โดยจะมุ่งเน้นการขยายและพัฒนา 3 ธุรกิจที่มีแนวโน้มในการเติบโตสูง
ได้แก่ 1. สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล (Consumer
Finance) 2. ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) และ 3. ธุรกิจแพลตฟอร์ม (Platform Business) เป็นหลัก รวมถึงนำไปลงทุนในเทคโนโลยีบล็อกเชน
(Blockchain Technology) ที่จะเป็นแกนหลักสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจแห่งโลกอนาคต
และเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Climate Tech) ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาสำคัญของโลก
โดยแผนการลงทุนนี้เป็นการเตรียมความพร้อมในการขยายธุรกิจของกลุ่ม SCBX สู่ระดับภูมิภาค และเพิ่มมูลค่าบริษัท”
“ทั้งนี้ การดำเนินการเสนอขายหุ้นกู้จะขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดทุนและโอกาสในการลงทุนในแต่ละปี
เพื่อให้มีโครงสร้างการระดมทุนที่เหมาะสมที่สุด บริษัทขอขอบคุณผู้ถือหุ้นที่เชื่อมั่นในแนวทางและแผนการดำเนินงานในการสร้างให้กลุ่ม
SCBX เป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินระดับภูมิภาค
ที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก สร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้น
และนำพาประเทศให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน”