EVA Air ขยายฝูงบิน ด้วยการสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A350-1000 และ A321neo เพิ่มเติม
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย 8 เมษายน 2568 - EVA Air (อีวีเอแอร์) สายการบินของไต้หวันได้ลงนามในคำสั่งซื้อเครื่องบินแบบพิสัยไกลรุ่น เอ350-1000 (A350-1000) จำนวน 6 ลำ และเครื่องบินแบบทางเดินเดี่ยวรุ่น เอ321นีโอ (A321neo) จำนวน 3 ลำ โดยข้อตกลงครั้งนี้ถือเป็นการสรุปการสั่งซื้อที่ได้ประกาศไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2568 คำสั่งซื้อครั้งใหม่นี้จะทำให้ยอดเครื่องบินที่รอส่งมอบของ EVA Air สำหรับรุ่น A350-1000 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 24 ลำ และรุ่น A321neo เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 18ลำ
คุณเคลย์ ซุน (Clay Sun) ประธานของสายการบิน EVA Air กล่าวว่า การเพิ่มจำนวนเครื่องบินรุ่นใหม่เข้าสู่ฝูงบินของเราในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการดำเนินธุรกิจการบินอย่างยั่งยืน และการมอบประสบการณ์การเดินทางที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้โดยสาร ทั้งเครื่องบินรุ่น A350-1000 และ A321neo นั้นต่างได้สร้างมาตรฐานที่สูงให้สำหรับเครื่องบินในแต่ละประเภท โดยมอบทั้งประสิทธิภาพที่โดดเด่นและความสะดวกสบายเหนือระดับสำหรับผู้โดยสารของเรา เราหวังว่าจะใช้ประโยชน์จากศักยภาพด้านพิสัยบินและความมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมของเครื่องบินเหล่านี้ ในการดำเนินแผนการขยายฝูงบินและเครือข่ายเส้นทางบิน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานะของเราในตลาดอุตสาหกรรมการบิน
คุณเบอนัวต์ เดอ แซงต์-เอกซูเปรี (Benoît de Saint-Exupéry) รองประธานบริหารฝ่ายขาย ธุรกิจเครื่องบินพาณิชย์ของแอร์บัส กล่าวว่า คำสั่งซื้อใหม่ของ EVA Air สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมอย่างต่อเนื่องของเครื่องบิน A350-1000 ซึ่งเป็นผู้นำด้านพิสัยบินไกลและเป็นเครื่องบินที่ได้สร้างมาตรฐานให้กับการบินระหว่างทวีป รวมถึง A321neo ในฐานะผู้นำด้านประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมสำหรับการบินในระดับภูมิภาค เรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างสูงที่ EVA Air ได้ให้ความไว้วางใจต่อเครื่องบินรุ่นใหม่ล่าสุดเหล่านี้ และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อให้การผสานรวมเครื่องบินเข้ากับฝูงบินของสายการบินเป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อพัฒนาสู่ความสำเร็จในอนาคต
A350 เป็นเครื่องบินโดยสารแบบลำตัวกว้างที่มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก โดยได้ยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับการเดินทางระหว่างทวีป โดยมีพิสัยการบินไกลที่สุดในบรรดาเครื่องบินพาณิชย์ที่มีการผลิตอยู่ในปัจจุบัน และขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดจากโรลส์-รอยซ์ ทำให้เครื่องบินรุ่นนี้สามารถบินต่อเนื่องได้ไกลถึง 9,700 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 18,000 กิโลเมตร โดยใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่าเครื่องบินรุ่นก่อนหน้าถึง 25 เปอร์เซ็นต์ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ในระดับที่ใกล้เคียงกัน
เช่นเดียวกับเครื่องบินแอร์บัสทุกรุ่น A350 สามารถใช้งานร่วมกับเชื้อเพลิงการบินยั่งยืน (SAF) ได้สูงสุดถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และแอร์บัสมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้เครื่องบินของบริษัทสามารถรองรับการใช้ SAF ได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2573
เครื่องบินตระกูล A350 ได้รับคำสั่งซื้อรวมแล้วมากกว่า 1,360 ลำ จากลูกค้าจำนวน 60 รายทั่วโลก โดยปัจจุบันได้มีเครื่องบินตระกูลนี้มากกว่า 640 ลำให้บริการอยู่ในฝูงบินของ 38 สายการบิน ซึ่งเครื่องบินส่วนใหญ่ให้บริการในเส้นทางบินระยะไกล
A321neo เป็นสมาชิกของเครื่องบินในตระกูล เอ320นีโอ (A320neo) ซึ่งผสานเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เจเนอเรชันใหม่ ปลายปีกแบบชาร์คเลท (Sharklet) และองค์ประกอบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพภายในห้องโดยสาร ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้เครื่องบินสามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ โดยนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2559 เครื่องบิน A321neo ได้มียอดคำสั่งซื้อแล้วมากกว่า 6,800 ลำ จากลูกค้ากว่า 90 ราย และครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์