ซีพี ออลล์ เคาะดอกเบี้ย หุ้นกู้อายุ 4 ปี 10 เดือน 13 วัน 2.90% ต่อปี พร้อมเสนอขายผู้ถือหุ้นกู้เดิม 28-30 พ.ค. และผู้ลงทุนทั่วไป 25-27 มิ.ย. 2568 นี้
ซีพี ออลล์ (บริษัทฯ) เคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดใหม่ อายุ 4 ปี 10 เดือน 13 วัน ที่ 2.90% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 6 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ (ยกเว้นงวดดอกเบี้ยสุดท้าย ซึ่งมีระยะเวลาน้อยกว่า 6 เดือน) ผู้ถือหุ้นกู้ CPALL256B เตรียมจองซื้อก่อน ระหว่างวันที่ 28 30 พฤษภาคม 2568 ผ่าน ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงศรีอยุธยา ธ.กสิกรไทย และ ธ.ไทยพาณิชย์ และผู้ลงทุนทั่วไป จองซื้อระหว่างวันที่ 25 27 มิถุนายน 2568 นี้ ผ่าน ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงศรีอยุธยา ธ.กสิกรไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กรุงไทย และ ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ซีพี ออลล์ กำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้อายุ 4 ปี 10 เดือน 13 วัน ที่ 2.90% ต่อปี โดยเปิดให้ผู้ถือหุ้นกู้เดิม (ผู้ถือหุ้นกู้ CPALL256B) จองซื้อก่อน ระหว่างวันที่ 28 30 พฤษภาคม 2568 ผ่าน 4 ธนาคาร กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 1,000 บาท โดยจำนวนสูงสุดที่จองได้จะไม่เกินจำนวนหุ้นกู้ CPALL256B ที่ถืออยู่ ณ วันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นกู้วันที่ 23 เมษายน 2568 (ใช้สิทธิ 1 หน่วย หุ้นกู้เดิม : 1 หน่วย หุ้นกู้ใหม่) ซึ่งทางบริษัทฯ ได้อำนวยความสะดวกให้ผู้ถือหุ้นกู้ CPALL256B สามารถใช้เงินเดิมที่จะได้รับจากการไถ่ถอนหุ้นกู้ CPALL256B ในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 มาชำระหุ้นกู้ที่จะออกใหม่ในครั้งนี้ได้ เพื่อให้สามารถเข้าถึงการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยบัญชีรับเงินต้นและดอกเบี้ยงวดสุดท้ายของหุ้นกู้ CPALL256B ที่จะทำการไถ่ถอนจะต้องเป็นบัญชีธนาคารจากสถาบันการเงินเดียวกันกับที่ผู้ลงทุนจะทำรายการจองซื้อหุ้นกู้ชุดใหม่ (ผู้ถือหุ้นกู้แบบไร้ใบ อย่าลืมเปลี่ยนบัญชี e-dividend เป็นบัญชีธนาคารที่ต้องการจองซื้อภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2568) และสำหรับผู้ลงทุนทั่วไป เปิดจองซื้อ ระหว่างวันที่ 25 27 มิถุนายน 2568 ผ่าน 6 ธนาคาร จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
ซีพี ออลล์ มั่นใจว่าหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่เสนอขายในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และหุ้นกู้ที่ระดับ AA- แนวโน้ม คงที่ จากทริสเรทติ้ง สะท้อนถึงความมั่นคงของธุรกิจค้าปลีกอันดับหนึ่งของไทย โดย ณ ไตรมาสที่ 1 ปี 2568 CPALL มีรายได้รวม 252,881 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 4.8 และมีกำไรสุทธิ 7,585 ล้านบาท เติบโตถึงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2567 อีกทั้ง CPALL ยังขยายร้าน เซเว่น อีเลฟเว่น อย่างต่อเนื่อง ณ ไตรมาสที่ 1 ปี 2568 มี 15,430 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงสาขาในประเทศกัมพูชา 116 สาขา และลาว 15 สาขา นายเกรียงชัยกล่าว ขอเน้นย้ำให้ผู้ลงทุนระวังมิจฉาชีพที่แอบอ้างชื่อบริษัทฯ หลอกลงทุน นำเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริง โดยเฉพาะช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook และแอปพลิเคชัน Line เป็นต้น ขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาผลตอบแทนที่เป็นไปได้ หรือติดต่อสอบถามผ่านธนาคารทั้ง 6 แห่งที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ก่อนตัดสินใจลงทุน