แชร์

SME D Bank คิกออฟโครงการ Acceleration Program Road to LiVE 2025 สร้างเอสเอ็มอีสู่ตลาดหลักทรัพย์ เติมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

อัพเดทล่าสุด: 10 ก.ค. 2025
236 ผู้เข้าชม

SME D Bank ร่วมกับ Deloitte Thailand เดินหน้าสานต่อโครงการ Acceleration Program Road to LiVE 2025 ปั้นธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ เข้าสู่กระบวนการบ่มเพาะธุรกิจเข้มข้น เตรียมความพร้อม เข้าสู่ตลาดทุนไทย ดันเป็นหัวหอกขับเคลื่อนและผลักดันเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน  

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ธนาคารมุ่งมั่นพันธกิจการเป็นสถาบันการเงินของรัฐเพื่อการพัฒนาเอสเอ็มอีสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน โดยหนึ่งในพันธกิจที่สำคัญ คือ การพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยที่มีศักยภาพให้ได้รับการยกระดับ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ และต่อยอดเอสเอ็มอีเข้าสู่ตลาดทุน ไม่ว่าจะเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หรือ ตลาดหลักทรัพย์ LiVE Exchange (LiVEx) สร้างการเติบโตสู่การเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เข้มแข็งในอนาคต อันจะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนและผลักดันระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป ดังนั้น  SME D Bank ร่วมกับ บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ สอบบัญชี จำกัด (Deloitte Thailand) บริษัทตรวจสอบบัญชีชั้นนำ โดยผ่านการสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดตัวโครงการ Acceleration Program Road to LiVE 2025 มีวัตถุประสงค์เตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพให้มีความรู้และเข้าใจกลไกระดมทุนในตลาดทุน และมีมาตรฐานระดับสากลพร้อมเข้าสู่ตลาดทุนต่อไป

สำหรับโครงการ Acceleration Program Road to LiVE 2025 มีกิจการที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารับการบ่มเพาะพัฒนาธุรกิจในรอบสุดท้าย จำนวน 24 กิจการ กำหนดการพัฒนาเชิงลึก 4 รูปแบบ ในระยะเวลาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 ไปจนถึงเดือนธันวาคม 2568 ได้แก่ การอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) การให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ (Coaching) การสร้างเครือข่ายต่อยอดธุรกิจ (Networking) และจำลองการนำเสนอต่อนักลงทุนตัวจริง (Pitching)  พร้อมรับเงินทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF)

ทั้งนี้ ธนาคารดำเนินโครงการดังกล่าว มาต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (2566-2568) มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านการอบรมแล้ว ปี 2566 จำนวน 22 กิจการ , ปี 2567 จำนวน 21 กิจการ และล่าสุดในปี 2568 มีผู้เข้าร่วมอบรมเพิ่มอีกจำนวน 24 กิจการ

นายพิชิต กล่าวเสริมว่า โครงการดังกล่าว สอดคล้องกับการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพต่อยอดสู่ตลาดทุนของธนาคาร ผ่านกระบวนการร่วมลงทุน ด้วยกองทุนย่อยที่ 1 ที่มุ่งเน้นธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีนวัตกรรม และเอสเอ็มอีในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและสินค้าเกษตรแปรรูป และกองทุนย่อยที่ 2 มุ่งเน้นเอสเอ็มอีขนาดกลางที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ SME D Bank ร่วมลงทุนกับกิจการต่าง ๆ  นับถึงเดือน 30 มิถุนายน 2568 จำนวน 51 กิจการ วงเงินมากกว่า 1,700 ล้านบาท สามารถช่วยผลักดันเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์สำเร็จไปแล้ว 6 กิจการ แบ่งเป็น SET จำนวน 1 กิจการ  mai  จำนวน 3 กิจการ และ LiVEx จำนวน 2 ราย   


บทความที่เกี่ยวข้อง
“MEDEZE” โชว์ศักยภาพผลประกอบการไตรมาส 3/2568 กำไรสุทธิ 160 ล้านบาท เดินหน้าสู่ “Thailand’s First ATMPs” ปักธงผู้นำธุรกิจการแพทย์แห่งภูมิภาค
นางสาวอัญชิสา เหล็กเพ็ชร (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน นายแพทย์วสวัตติ์ สร้อยทอง (ซ้าย) นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE
15 พ.ย. 2025
PSGC เดินหน้าธุรกิจเหมืองและทรัพยากร พร้อมลงทุนในบริษัทเวียดนาม กำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 888% จากไตรมาสก่อน
บริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PSGC (ชื่อย่อหลักทรัพย์ PSG) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 187.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 887.9%
15 พ.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy