แชร์

Krungthai CIO เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง ชูหุ้นเทคฯ ญี่ปุ่น-จีน-เกาหลี เด่น แนะล็อกผลตอบแทน  ตราสารหนี้ก่อนเฟดลดดอกเบี้ย

อัพเดทล่าสุด: 24 ก.ค. 2025
235 ผู้เข้าชม

Krungthai CIO ประเมินแนวโน้มการลงทุนครึ่งหลังปี 2025 ยังเผชิญความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าโลก กดดันเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่แม้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ยังมีข้อจำกัดด้านการคลัง แนะนักลงทุนวางแผนกระจายพอร์ต เพื่อรับมือความเสี่ยง พร้อมมองหาโอกาสจาก หุ้นเทคโนโลยี ในตลาดจีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ รวมถึงการลงทุนในตราสารหนี้

ทีมกลยุทธ์การลงทุน ธนาคารกรุงไทย (Krungthai Chief Investment Office หรือ Krungthai CIO) คาดการณ์ว่า GDP ของสหรัฐฯ ในปี 2025 จะขยายตัวเพียง 1.6% ลดลงจากที่เคยประเมินไว้ที่ 2.3% เมื่อต้นปี แม้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ หรือ 'Big, Beautiful Bill' ที่ออกแบบมา เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังมีข้อจำกัดด้านวินัยการคลัง และหนี้สาธารณะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 34 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า

ทางด้าน ฝั่งยุโรป คาด GDP ขยายตัวประมาณ 1.0% และได้รับแรงหนุนจากนโยบายการคลังเชิงรุกของเยอรมนี โดยเฉพาะการจัดตั้งกองทุนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 5 แสนล้านยูโร รวมถึงการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 8 ครั้งติดต่อกัน แต่คาดว่า วัฏจักรการลดดอกเบี้ยนี้กำลังเข้าสู่ช่วงสิ้นสุด

ด้านเอเชีย เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป คาด GDP ขยายตัวราว 1.2% จากแรงขับเคลื่อนหลักจากการบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยังคงเผชิญแรงกดดันจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นและค่าจ้างแท้จริง (Real wage) ที่ยังคงติดลบ และ เศรษฐกิจจีน คาดขยายตัวได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่ 5% แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากสงครามการค้าและแรงกดดันด้านเงินฝืด โดยมองว่า ทางการจีนพร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในด้านนโยบายการเงินและการคลังเพื่อสนับสนุนการเติบโต

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน Krungthai CIO แนะปรับน้ำหนักการลงทุนในหุ้นลงมาอยู่ที่ระดับ Neutral จากเดิมที่ Slightly Overweight ในช่วงต้นปี เนื่องจากตลาดหุ้นโลกได้ปรับตัวขึ้น ทำจุดสูงสุดใหม่ และสะท้อนปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว ขณะที่ความไม่แน่นอนด้านนโยบายยังคงมีอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับการกระจายพอร์ต (Diversification) เพื่อบริหารความเสี่ยง พร้อมมองเห็นโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น จีน และเกาหลี รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งจากกระแสการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะยังหนุนผลประกอบการในระยะยาว

ทางด้านของตราสารหนี้ มองว่า อัตราผลตอบแทนตั้งต้นที่ระดับสูง เป็นจังหวะที่ดีในการล็อกผล ตอบแทนระยะยาว ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะทยอยลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี                                        

สำหรับกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ คาดว่า ราคาน้ำมันจะเคลื่อนไหวในกรอบ 6580 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์โลกที่ทยอยฟื้นตัว ส่วนการลงทุนในทองคำ มีมุมมองระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากราคา ที่ปรับขึ้นมาพอสมควรแล้วในช่วงครึ่งปีแรกและความไม่แน่นอนเชิงนโยบายที่เริ่มคลี่คลายลง

Krungthai CIO แนะนำให้นักลงทุนวางแผนกลยุทธ์ลงทุนอย่างรอบคอบ กระจายพอร์ตให้เหมาะสม กับภาวะตลาด เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทนในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 อย่างยั่งยืน


บทความที่เกี่ยวข้อง
“MEDEZE” โชว์ศักยภาพผลประกอบการไตรมาส 3/2568 กำไรสุทธิ 160 ล้านบาท เดินหน้าสู่ “Thailand’s First ATMPs” ปักธงผู้นำธุรกิจการแพทย์แห่งภูมิภาค
นางสาวอัญชิสา เหล็กเพ็ชร (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน นายแพทย์วสวัตติ์ สร้อยทอง (ซ้าย) นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE
15 พ.ย. 2025
PSGC เดินหน้าธุรกิจเหมืองและทรัพยากร พร้อมลงทุนในบริษัทเวียดนาม กำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 888% จากไตรมาสก่อน
บริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PSGC (ชื่อย่อหลักทรัพย์ PSG) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 187.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 887.9%
15 พ.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy