XSPRING โชว์ผลงาน Q2/68 กำไรพุ่งรับแรงหนุนพอร์ตสินเชื่อโต ต้นทุนลด
XSPRING โชว์ศักยภาพไตรมาส 2/68 กำไรสุทธิ 26.56 ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยที่ขยายตัวและการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ แม้เผชิญแรงกดดันบางส่วนจากภาวะตลาด แต่ยังมองเห็นสัญญาณฟื้นตัวครึ่งปีหลัง เดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกด้วยการขยายพอร์ตสินเชื่อ Private Credit เสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO) และเปิดตัวกองทุนใหม่ ต่อยอด Ecosystem การเงินยุคใหม่ เพื่อผลักดันรายได้รวมปี 2568 แตะเป้า 1,100 ล้านบาทตามแผน
นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 202.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.27 ล้านบาท หรือ 11.46% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 26.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.32 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนมาจากรายได้ดอกเบี้ยที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส สะท้อนถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจการให้สินเชื่อรูปแบบ Private Credit ที่ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และนอกจากนี้ภาพรวมการเติบโตที่เกิดขึ้นยังเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีด้านการเงิน รวมถึงการปรับโครงสร้างของบริษัทฯ ที่ช่วยให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจลดลงอีกด้วย
โดยไตรมาส 2 ปีนี้ มีปัจจัยหนุนจากรายได้ดอกเบี้ย 165.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.30 ล้านบาท หรือ 23.35% สาเหตุหลักเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมจำนวน 43.02 ล้านบาทภายใต้นโยบายการปล่อยสินเชื่อที่รอบคอบและการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม ช่วยชดเชยรายได้จากการลงทุนและรายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อที่เกิดจากการซื้อลูกหนี้ของบริษัท บริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด ที่ปรับลดลง โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 XPG มีพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ราว 4,500 ล้านบาท
ในส่วนของ ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) บริษัทฯ มีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 49.09 ล้านบาท ลดลง 8.51 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14.77% ซึ่งหลัก ๆ เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงตามแนวโน้มของเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในช่วงปลายไตรมาส 2 บลจ. เอ็กซ์สปริง (XSpring AM) ได้มีการเสนอขายกองทุนใหม่อย่าง กองทุนเปิดเอ็กซ์สปริงเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์และยูเรเนียม (X-NUCTECH) ที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์และเหมืองยูเรเนียมทั่วโลก ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และมีผลการดำเนินงานตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเพิ่มขึ้นแล้วกว่า +7.00% อีกทั้งปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการเสนอขายกองทุนใหม่อย่าง กองทุนเปิดเอ็กซ์สปริงตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ (X-EMBOND) ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลในภูมิภาคตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Country) ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนจากตราสารทุนดั้งเดิม ในช่วงที่ตลาดทุนและสภาวะทางเศรษฐกิจมีความผันผวนสูงอย่างในปัจจุบัน แต่ยังคงมีอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมต่อความเสี่ยง และปัจจัยสนับสนุนจากหลายด้าน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าครบทุกมิติ โดยเสนอขายครั้งแรกวันที่ 13 - 26 ส.ค. 2568
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 แม้เศรษฐกิจไทยจะยังเผชิญความท้าทายจากภาคส่งออกและภาคการผลิตที่ชะลอตัว ส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคธนาคารซึ่งยังคงระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ธุรกิจสินเชื่อทางเลือกอย่าง Private Credit เข้ามามีบทบาทมากขึ้น และยังคงเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้ดอกเบี้ยของบริษัท ด้วยความโดดเด่นด้านความรวดเร็ว ความยืดหยุ่น และการออกแบบเงื่อนไขให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ โดยมองว่าครึ่งปีหลังจะมีปัจจัยบวกเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งจะเอื้อต่อการฟื้นตัวของการลงทุนและการปล่อยสินเชื่อในภาคเอกชน
สำหรับภาพรวมในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 กลุ่มธุรกิจการเงินเอ็กซ์สปริง ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่มีอสังหาริมทรัพย์อ้างอิง (Real Estate - Backed Token) มูลค่าโครงการ 2,500 3,000 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวกองทุนใหม่ที่ตอบโจทย์เทรนด์ตลาด ขยายช่องทางจำหน่ายผ่านตัวแทนขายกองทุนรวม (LBDU - Limited Broker, Dealer and Underwriter) และเพิ่มรายได้ในระยะยาวผ่านการบริหาร NPL และการขายสินทรัพย์รอการขาย (NPA) อย่างมีประสิทธิภาพ
XSPRING ยังคงยืนยันเป้าหมายรายได้รวมปี 2568 ที่ 1,100 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์ Resilient Growth in a Challenging Landscape ที่มุ่งเน้นการเติบโตท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ โดยใช้จุดแข็งของ Ecosystem ทางการเงินยุคใหม่ในกลุ่ม XSPRING ที่สามารถผสานบริการด้านสินเชื่อ การลงทุน และสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างครบถ้วน รองรับความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ นางสาววรางคณา กล่าวทิ้งท้าย