รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เผยโฉม Honda WN7 จักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก ที่งาน EICMA 2025

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เปิดตัว Honda WN7 จักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชน ภายในงาน EICMA 2025 (Milan Motorcycle Shows) ที่จัดขึ้น ณ กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 45 พฤศจิกายน 2568 สำหรับสื่อมวลชน และวันที่ 69 พฤศจิกายน 2568 สำหรับผู้เข้าชมทั่วไป
ฟีเจอร์หลักของ Honda WN7
แนวคิดการพัฒนา
Honda WN7 เป็นจักรยานยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Naked รุ่นแรกในซีรีส์ FUN Category ที่พัฒนาด้วยทิศทางใหม่ในฐานะรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าฮอนด้า ภายใต้แนวคิด Be the Wind ถ่ายทอดความสุขของการเคลื่อนไปอย่างอิสระดั่งสายลม พร้อมความเงียบเฉพาะตัวของรถพลังงานไฟฟ้า ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสเสียงและบรรยากาศรอบตัวได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดคุยหรือเสียงหัวเราะของผู้คนริมทาง หรือเสียงใบไม้ที่พลิ้วไหว ซึ่งไม่อาจสัมผัสได้บนจักรยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE : internal combustion engine) Honda WN7 ถ่ายทอดความตั้งใจของทีมพัฒนาออกมาเป็นการเร่งความเร็วที่หนักแน่นด้วยแรงบิดเต็มพลัง และการควบคุมที่คล่องตัว มอบความรู้สึกของการเคลื่อนไปอย่างอิสระดั่งสายลมได้อย่างแท้จริง
การออกแบบ
Honda WN7 ออกแบบภายใต้แนวคิดที่มุ่งเน้นการขัดเกลาฟังก์ชันการใช้งานให้สมบูรณ์แบบและสะท้อนตัวตน โดดเด่นด้วยพื้นผิวต่อเนื่องและเรียบลื่นในทุกจุดที่ผู้ขับขี่สัมผัส ผสานเข้ากับรูปทรงที่มีพลังและเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อม แถบไฟหน้าแนวนอน (horizontal light bar) ซึ่งจะกลายเป็น ซิกเนเจอร์ ของจักรยานยนต์ไฟฟ้าฮอนด้าทุกรุ่นในอนาคต
นอกจากนี้ WN7 ยังเปิดตัวชุดสีเฉพาะสำหรับจักรยานยนต์ไฟฟ้าฮอนด้าเป็นครั้งแรก โดยใช้ตัวถังโทนสีดำตัดกับชิ้นส่วนประกอบที่ตกแต่งด้วยสีทอง ฮอนด้าจะใช้ชุดสีนี้กับจักรยานยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นทั่วโลก เช่นเดียวกับไฟซิกเนเจอร์
แชสซีแบบไร้เฟรม (Frameless Chassis)
จักรยานยนต์ทั่วไปใช้เฟรมเชื่อมต่อส่วนหน้าและส่วนท้ายของตัวรถเข้าด้วยกัน ในขณะที่โครงสร้างของ Honda WN7 ไม่ใช้เฟรม แต่ใช้กล่องแบตเตอรี่อะลูมิเนียมที่ติดตั้งอยู่กลางตัวรถทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างหลัก และเชื่อมต่อโดยตรงเข้ากับ ส่วนคอ (head pipe) ที่รองรับระบบบังคับเลี้ยวและ ขายึดสวิงอาร์ม (pivot bracket) ที่รับน้ำหนักด้านหลัง ช่วยให้ Honda WN7 มีน้ำหนักเบาเพราะไม่มีเฟรม รวมทั้งยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ ให้ตัวรถมีสัดส่วนที่เพรียวบางและกะทัดรัดได้
นอกจากนี้ การวางตำแหน่งแบตเตอรี่ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักมากไว้บริเวณจุดศูนย์กลางแชสซี ยังช่วยเสริมสมดุลให้มวลน้ำหนักอยู่ตรงกลาง เพิ่มความคล่องตัวในการควบคุม
ชุดมอเตอร์ผนวกอินเวอร์เตอร์ (Integrated Motor-Inverter Unit)
Honda WN7 มาพร้อมมอเตอร์แบบใหม่ที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และผนวกอินเวอร์เตอร์เข้าไว้ด้วยกัน โดยให้กำลังสูงสุด 50 กิโลวัตต์ เทียบเท่าจักรยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 600 ซีซี พร้อมแรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับรถขนาด 1000 ซีซี มอบสมรรถนะอันทรงพลังทั้งยังควบคุมได้อย่างมั่นใจ สำหรับการขับขี่ในเมืองและบนทางโล่ง
กระปุกเกียร์ดีไซน์ใหม่ส่งต่อกำลังจากมอเตอร์ไปยังระบบสายพานขับเคลื่อน (belt-drive system) เพื่อถ่ายทอดกำลังสู่ล้อหลังได้อย่างราบรื่นและไม่ส่งเสียงดัง
แบตเตอรี่และมาตรฐานการชาร์จ
Honda WN7 มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแบบติดตั้งถาวร ขนาด 9.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง รองรับทั้งการชาร์จเร็วแบบ CCS2[1] (Combined Charging System Type 2) และการชาร์จปกติแบบ Type 2[2] ซึ่งรองรับการใช้งานร่วมกับเต้ารับไฟบ้านได้ในหลายประเทศ และหากใช้เครื่องชาร์จเร็ว แบตเตอรี่สามารถชาร์จจาก 20% ถึง 80% ได้ภายในเวลาประมาณ 30 นาที ช่วยให้เติมพลังระหว่างการเดินทางได้อย่างรวดเร็ว ลดความกังวลเรื่องเวลารอชาร์จ
สำหรับการชาร์จแบบปกติ สามารถชาร์จเต็มจาก 0% ถึง 100% ได้ในเวลาไม่ถึง 2.4 ชั่วโมง[3] เมื่อเต็มแล้วจะให้ระยะทางขับขี่สูงสุด 140 กิโลเมตร (มาตรฐาน WMTC mode)
ระบบเบรกแบบชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative Braking), ระบบเลือกความหน่วง (Deceleration Selector) และโหมด Walking Speed Mode
ระบบเบรกแบบชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่[4] (Regenerative Braking) คือการที่มอเตอร์ของ Honda WN7 จะทำหน้าที่ชาร์จพลังงานคืนกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ (Energy Regeneration) ขณะชะลอความเร็วเมื่อปล่อยคันเร่ง ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับความหน่วงด้วยสวิตช์ Deceleration Selector ที่แฮนด์ซ้าย เพื่อควบคุมความเร็วต่ำได้อย่างราบรื่นโดยแทบไม่ต้องใช้เบรก หรือหากเลือกแรงหน่วงน้อยลง จะรู้สึกเหมือนลอยเคลื่อนไป ซึ่งเป็นประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากรถเครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ Honda WN7 ยังมาพร้อมโหมด Walking Speed Mode ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขยับรถไปข้างหน้าหรือถอยหลังได้อย่างช้า ๆ โดยควบคุมผ่านสวิตช์ที่แฮนด์ซ้ายและคันเร่ง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการจอดรถหรือขยับรถในพื้นที่แคบ ๆ ในเมือง
[1] CCS2 (Combined Charging System Type 2) คือมาตรฐานหัวชาร์จที่ใช้ในเครื่องชาร์จเร็วสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
[2] เมื่อใช้แหล่งจ่ายไฟขนาด 200 โวลต์ และหัวชาร์จ (Charging Gun)
[3] ค่าที่แสดงเป็นค่าที่ได้จากการวัดของฮอนด้า ทั้งนี้ ระยะเวลาในการชาร์จจริง อาจแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม (เช่น อุณหภูมิ)
[4] ในบางเวลา รถอาจไม่เลือกใช้ระบบเบรกแบบชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ (regenerative braking) ทั้งนี้ ขึ้นกับระดับประจุของแบตเตอรี่


