แชร์

PSGC เดินหน้าธุรกิจเหมืองและทรัพยากร พร้อมลงทุนในบริษัทเวียดนาม กำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 888% จากไตรมาสก่อน

อัพเดทล่าสุด: 15 พ.ย. 2025
151 ผู้เข้าชม

13 พฤศจิกายน 2568 บริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PSGC (ชื่อย่อหลักทรัพย์ PSG) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 187.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 887.9% จากไตรมาสก่อน จากความคืบหน้าของงานก่อสร้างในโครงการ และทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนที่มีเสถียรภาพมากขึ้น พร้อมประกาศเดินหน้ากลยุทธ์ด้านธุรกิจทรัพยากร หลังคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการเข้าลงทุนร้อยละ 64 ใน Nam Tien Limited Liabilities Company เพื่อขยายบทบาทในธุรกิจทรัพยากร โลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐานพลังงานในระดับภูมิภาค



ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 เติบโตโดดเด่น

ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 PSGC มีรายได้รวม 773.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 5.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการรับรู้รายได้โครงการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการเร่งรัดการดำเนินโครงการและทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนที่เริ่มมีเสถียรภาพ

สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,081.6 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 305.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับฐานจาก ปีก่อนที่มีสัดส่วนรายได้จากโครงการที่มีอัตรากำไรสูง ทั้งนี้ บริษัทฯ มีมูลค่างานในมือกว่า 3,900 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท

บอร์ดไฟเขียวลงทุนเชิงกลยุทธ์ในเวียดนาม

ภายหลังความสำเร็จของโครงการนำร่องด้านเหมืองและทรัพยากรเมื่อต้นปี คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นว่าการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ในการขยายและเร่งรัดการเข้าสู่ธุรกิจใหม่ จึงอนุมัติเงินลงทุน 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (750.21 ล้านบาท) เพื่อเข้าถือหุ้นร้อยละ 64 ใน Nam Tien โดยตั้งเป้าดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2569 ภายหลังการลงทุน Nam Tien จะถูกรวมงบการเงินเป็นบริษัทย่อยของ PSGC

Nam Tien ก่อตั้งในปี 2549 ในประเทศเวียดนาม ดำเนินธุรกิจห่วงโซ่อุปทานด้านทรัพยากรพลังงานแบบครบวงจร ทั้งงานเหมือง ระบบโลจิสติกส์ และการขนส่งถ่านหินข้ามพรมแดนระหว่าง สปป.ลาว และเวียดนาม บริษัทจะถือสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการดำเนินงานและรับซื้อถ่านหินจากบริษัท Xekong Power Plant Limited (XPPL) ซึ่งเป็นสัมปทานถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดใน สปป.ลาว ภายใต้สัญญาระยะยาวที่มีปริมาณสำรองกว่า 600 ล้านตัน นอกจากนี้ Nam Tien จะได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการจำหน่ายและกระจายถ่านหินของ XPPL ในทั้งตลาด สปป.ลาว และเวียดนาม ปัจจุบันความต้องการถ่านหินใน สปป.ลาว อยู่ที่ราว 0.51 ล้านตันต่อปี ขณะที่ความต้องการนำเข้าถ่านหินของเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 3035 ล้านตันต่อปี ด้วยเงินทุนสนับสนุนจาก PSGC รวมถึงเป้าหมายการผลิตตามสัญญา โครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ และความต้องการของภาคอุตสาหกรรม Nam Tien มีศักยภาพในการผลิตและจำหน่ายถ่านหิน 6 10 ล้านตันต่อปี สร้างรายได้สู่ระดับ 7401,130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 25,00038,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและปริมาณการส่งมอบจริง

เสริมแกร่งความมั่นคงทางพลังงานในภูมิภาค

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การขยายโครงข่ายไฟฟ้าและสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนยังไม่เพียงพอที่จะรองรับความต้องการพลังงานไฟฟ้าฐาน (baseload) ส่งผลให้ถ่านหินยังคงเป็นเชื้อเพลิงช่วงเปลี่ยนผ่านที่มีบทบาทสำคัญต่อเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า ความสามารถในการแข่งขันทางอุตสาหกรรม และความมั่นคงด้านพลังงานของภูมิภาค

การลงทุนครั้งนี้ทำให้ PSGC เข้าไปมีบทบาทโดยตรงในห่วงโซ่อุปทานพลังงานเชิงยุทธศาสตร์ ตั้งแต่การผลิต การปรับปรุงคุณภาพ การขนส่ง ไปจนถึงการส่งมอบถ่านหินแก่ภาคอุตสาหกรรมในตลาดสำคัญของภูมิภาค ซึ่งยังคงต้องการพลังงานจากโรงไฟฟ้าฐานที่เชื่อถือได้เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้า

นายเดวิด แวน ดาว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PSGC กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านของบริษัท จากรายได้ที่เกิดจากงานตามโครงการ มาสู่รายได้ประจำระยะยาว ที่มั่นคง โดยมีปัจจัยพื้นฐานด้านความต้องการพลังงานของภูมิภาคและความจำเป็นของพลังงานที่มีความเสถียรเป็นแรงสนับสนุน Nam Tien ช่วยเพิ่มขนาดธุรกิจได้ทันที มีระบบโลจิสติกส์ครบวงจร และเปิดโอกาสให้บริษัทเข้าถึงตลาดที่ยังคงต้องการถ่านหินเพื่อการผลิตพลังงานไฟฟ้าฐานในระดับสูงทั้งในทศวรรษหน้าและช่วงต่อเนื่องหลังจากนั้น

PSGC มีแผนนำเทคโนโลยีการคัดแยกและปรับปรุงคุณภาพถ่านหิน รวมถึงการปรับกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยลดการปล่อยมลพิษ และรองรับข้อกำหนดด้านกฎระเบียบและมาตรฐานอุตสาหกรรมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง มาตรการปรับปรุงเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการส่งมอบเชื้อเพลิงอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านพลังงานของภูมิภาค พร้อมวางพื้นฐานสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต

การลงทุนใน Nam Tien ช่วยผลักดันให้ PSGC เปลี่ยนผ่านเป็นธุรกิจที่มีรายได้ประจำ ซึ่งรายได้ที่เชื่อมโยงกับปริมาณการผลิตและการขนส่ง จะทำให้บริษัทสามารถคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ต่อยอดจากมูลค่างานก่อสร้างในมือ และการขยายเข้าสู่ธุรกิจด้านทรัพยากรและสินค้าโภคภัณฑ์ PSGC มีความพร้อมสร้างการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่  ปี 2569 เป็นต้นไป พร้อมทั้งเพิ่มความมั่นคงของผลกำไร ยกระดับความหลากหลายของโครงสร้างรายได้ และขยายบทบาทในห่วงโซ่อุปทานพลังงานพื้นฐานของภูมิภาคต่อไป


บทความที่เกี่ยวข้อง
“MEDEZE” โชว์ศักยภาพผลประกอบการไตรมาส 3/2568 กำไรสุทธิ 160 ล้านบาท เดินหน้าสู่ “Thailand’s First ATMPs” ปักธงผู้นำธุรกิจการแพทย์แห่งภูมิภาค
นางสาวอัญชิสา เหล็กเพ็ชร (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน นายแพทย์วสวัตติ์ สร้อยทอง (ซ้าย) นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE
15 พ.ย. 2025
 กรังด์ปรีซ์ฯ จัดการแข่งขันกอล์ฟกระชับมิตร “GRANDPRIX GOLF CHAMPIONSHIP 2025” รวมพันธมิตรธุรกิจต่อยอดความความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 47 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 5 เมษายน 2568 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
15 พ.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy