แชร์

Krungthai COMPASS ชี้การยกเครื่องการลงทุนตามแนวทาง Reinvent Thailand จะช่วยเพิ่มอัตราเติบโตจีดีพีระยะข้างหน้าได้อีกประมาณ 0.2-0.4% ต่อปี

อัพเดทล่าสุด: 22 ธ.ค. 2025
105 ผู้เข้าชม

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS มองการเร่งรัดการลงทุนโดยมุ่งเป้าใน 6 อุตสาหกรรมตามแนวทาง Reinvent Thailand ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพและสร้าง Multiplier ได้สูง จะสามารถเพิ่มอัตราการเติบโตของจีดีพีระยะข้างหน้าได้อีกประมาณ 0.2-0.4% ต่อปี ผ่านการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับผลิตภาพ และทักษะแรงงาน โดยใช้ประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐที่ออกมา เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) และการค้ำประกันสินเชื่อที่จะช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อปรากฏการณ์เศรษฐกิจโตต่ำของไทยมาจากการลงทุนที่แผ่วลงกว่าเดิม 5 เท่า และฉุดรั้งให้การเติบโตทางเศรษฐกิจช้าลงไปถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงกว่า 20 ปีก่อน ด้วยผลพวงจากรอยแผลเป็นหลังวิกฤตหลายระลอก และความท้าทายในการรับมือกับบริบทโลกใหม่ที่แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

การลงทุนของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สะท้อนภาพชะลอตัวลงอย่างชัดเจน โดยสัดส่วนกระแสเงินสดในกิจกรรมลงทุนต่อสินทรัพย์รวม และอัตราการเติบโตของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนชะลอลงเหลือปีละ 3.8% และ 2.6% ตามลำดับ ลดลงกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบจากช่วงกว่า 20 ปีก่อน โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และเทคโนโลยี ด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในระยะหลังๆ มานี้ (ปี 2560-2567 ) พบว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและเวียดนาม สามารถดึงดูด FDI ได้สูงกว่าไทยถึง 3 เท่าตัว ขณะที่บทบาทการมีส่วนร่วมของไทยต่ออุตสาหกรรมแห่งอนาคต อาทิ Semiconductors ยังค่อนข้างน้อย เนื่องจากแรงงานทักษะสูงมีน้อยกว่าคู่แข่ง นอกจากนี้ การลงทุนที่อ่อนแอยังกดดันการผลิตภาคอุตสาหกรรมให้โตช้าลง โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นการพึ่งพาปัจจัยทุน

ดร. ฉมาดนัย มากนวล ผู้อำนวยการฝ่าย กล่าวว่า ไทยต้องเร่งลงทุนทั้งในมิติการพัฒนากระบวนการผลิตไปสู่การใช้นวัตกรรม โดยเฉพาะการลงทุนในเครื่องจักรใหม่และโรงงานอัฉริยะ (Smart Factory) ให้สอดรับกับโครงสร้างแรงงานที่เปลี่ยนไปตามสังคมสูงวัย และในมิติการพัฒนาทักษะแรงงานแบบ Right Re-Skill & Up-skill ขณะเดียวกันยังต้องเสริมศักยภาพด้วยการต่อยอดจากจุดแข็งที่มีเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยอาศัยแนวทาง Reinvent Thailand ที่จะสนับสนุนการยกระดับใน 6 อุตสาหกรรมเป้าหมายตั้งต้น (Priority Sectors) ได้แก่ Agri & Food Processing, Automotive, Smart Electronics, Medical & Wellness, Tourism และ Retail & Trading ซึ่งล้วนเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรม New S-Curve อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจ โดยมีจำนวนผู้ประกอบการราว 2.4 แสนราย (46% ของจำนวนผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลทั้งหมด และส่วนใหญ่เป็น SMEs) มีการจ้างงานมากถึงกว่า 10.6 ล้านคน (55% ของการจ้างงานจากธุรกิจทั้งหมด) และสร้างรายได้ต่อปีรวมกว่า 38 ล้านล้านบาท (64% ของรายได้รวมทุกธุรกิจ)

นายกฤตตฤณ  เหล่าฤทธิ์ นักวิเคราะห์ กล่าวว่า การพุ่งเป้ายกระดับการลงทุนตามแนวทาง Reinvent Thailand จะสามารถช่วยสร้างผลตอบแทนกลับมาเป็นมูลค่าเพิ่มสูง โดย Krungthai COMPASS ประเมินว่า หากไทยสามารถเพิ่มการลงทุนใน Priority Sectors ทั้ง 6 สาขาข้างต้น อย่างน้อยให้มีอัตราการเติบโตเทียบเท่ากับอัตราการเติบโตในช่วง 10 ปีก่อนเกิดโควิด-19 (ปี 2553 - 2562) จะสามารถเพิ่มอัตราการเติบโตของจีดีพีระยะข้างหน้าได้อีกประมาณ 0.2-0.4% ต่อปี อีกทั้งยังเป็นการช่วยปรับโครงสร้างธุรกิจและแรงงานไทยให้สอดรับกับบริบทโลกมากขึ้น  เพิ่มผลิตภาพ ซ่อมสร้างเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ (New growth engine) และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศ อันเป็นปัจจัยเชิงโครงสร้างที่เป็นรากฐานสำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป 


บทความที่เกี่ยวข้อง
MEDEZE พร้อมเดินหน้าตามนโยบายภาครัฐ  ขับเคลื่อน ผลิตภัณฑ์การแพทย์ชั้นสูง ทุกมิติ
กระทรวงสาธารณสุขพร้อมด้วยหน่วยงานทางแพทย์ ร่วมจัดงานประชุม Thailand ATMP Roadmap 2025 ภายใต้แนวคิด Fast Track to Access & Innovation : Fastest in ASEAN โดยนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
22 ธ.ค. 2025
ธอส. รับ 3 รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2568  สะท้อนการพัฒนาและบริหารจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและเติบโตอย่างยั่งยืน
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2568 จากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จำนวน 3 รางวัล ประกอบด้วย 1. รางวัลความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อการพัฒนาดีเด่น ประเภทรางวัลดีเด่น
22 ธ.ค. 2025
PTG ส่งเสริมโครงการ ปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง  ลดการปล่อยก๊าซมีเทนต่อยอดเป็นคาร์บอนเครดิต  พร้อมสานต่อโครงการ พีที ค่ายอาสาทำจริงไม่ทิ้งกัน ต.หนองสะเดา อ.สามชุก  จ.สุพรรณบุรี
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ  PTG  ผู้นำการบริการในธุรกิจพลังงานครบวงจรของประเทศ เดินหน้าโครงการ ข้าวยั่งยืน ลดมีเทน ด้วยนาเปียกสลับแห้ง บนที่นา 500 ไร่ โดยร่วมกับบริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด (WAVE BCG)
22 ธ.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy