กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 31.25-31.65 ตลาดเบาบางรับคริสต์มาส
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.25-31.65 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 31.46 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 31.37-31.57 โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ ขณะที่ข้อมูลตำแหน่งจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินคาดแต่อัตราว่างงานปรับตัวสูงขึ้นเป็น 4.6% ทำให้ตลาดยังคงไม่แน่ใจเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในปี 69 ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ(บีโออี)มีมติลดดอกเบี้ยลง 25bp เป็น 3.75% ด้วยคะแนนเสียง 5-4 โดยเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในปีนี้ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)ตรึงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.00% ทางด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.75% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี ตามความคาดหมายของตลาด ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,266 ล้านบาท แต่ขายพันธบัตร 3,157 ล้านบาท
สำหรับในสัปดาห์นี้ กรุงศรีโกลบอลมาร์เก็ตส์ระบุว่า บรรยากาศการซื้อขายภาพรวมอาจเป็นไปอย่างเงียบเหงาขณะตลาดการเงินโลกเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส และผู้ร่วมตลาดปิดสถานะการลงทุนสำหรับปีนี้ โดยเงินเยนถูกจับตาหลังบีโอเจย้ำว่าดอกเบี้ยแท้จริงติดลบอย่างมีนัยสำคัญซึ่งเป็นสัญญาณว่าจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี เงินเยนร่วงลง ขณะที่ตลาดมองว่าผู้ดำเนินนโยบายไม่ได้แสดงท่าทีเร่งด่วนมากนัก เราประเมินว่ามีความเสี่ยงสูงขึ้นที่ทางการญี่ปุ่นจะแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงปริมาณซื้อขายเบาบางนี้
สำหรับปัจจัยในประเทศ นักลงทุนจะติดตามรายงานตัวเลขส่งออกและนำเข้าเดือนพฤศจิกายนของไทย ส่วนคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยด้วยเสียงเอกฉันท์ โดยจังหวะเวลาที่ตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทของนโยบายการเงินในการพยุงภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่นโยบายการคลังมีน้ำหนักลดลงหลังการยุบสภา อนึ่ง ภาวะสินเชื่อหดตัวและเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำบ่งชี้ถึงความเปราะบางของอุปสงค์ภาคเอกชน ทำให้เราประเมินว่ากนง.จะลดดอกเบี้ยอีก 25bp สู่ระดับ 1.00% ภายในครึ่งแรกของปี 69 ทางด้านผู้ว่าการธปท.ระบุว่ากระแสการซื้อขายทองคำได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าดูแลตลาดโดยมีเป้าหมายเพื่อลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน


