แชร์

เอบีม คอนซัลติ้ง เผยกลยุทธ์ฝ่าวิกฤตห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ผลิตท่ามกลางความเสี่ยงระดับโลก

อัพเดทล่าสุด: 11 ก.พ. 2025
149 ผู้เข้าชม

เอบีม คอนซัลติ้ง เผยผลสำรวจในหัวข้อ "Survey on Procurement and Supply Chain Risk Management in Japanese Assembly Manufacturing Industries Five Barriers Identified from a Survey of 108 Companies and Pathways to Breaking Through Them," ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความท้าทายและโอกาสในการจัดการความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศญี่ปุ่น รายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของการบริหารจัดการความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน ท่ามกลางความซับซ้อนของความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เช่น ภัยธรรมชาติและความผันผวนทางเศรษฐกิจ เป็นต้น

แม้ว่าความจำเป็นในการปรับตัวจะเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ผู้ผลิตในญี่ปุ่นจำนวนมากยังคงเผชิญกับอุปสรรคในการยกระดับศักยภาพด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทาน หรือ Supply Chain Management (SCM) จากการสำรวจบริษัท 82 แห่งในญี่ปุ่น และการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ผลิต 26 รายจากญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
เอบีม คอนซัลติ้ง พบว่าบริษัทญี่ปุ่นมีอัตราการฟื้นตัวของสินค้าคงคลังหลังวิกฤตที่ช้ากว่าประเทศอื่น ๆ อย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในกลยุทธ์การจัดการห่วงโซ่อุปทานของประเทศ



จากผลสำรวจของเอบีม คอนซัลติ้ง ระบุว่า 20% ของบริษัทที่เข้าร่วมการสำรวจสูญเสียกำไรไปมากกว่า 20% เนื่องจากปัญหาการหยุดชะงักในการจัดซื้อ และ 40% ของบริษัทไม่สามารถประเมินผลกระทบของการหยุดชะงักต่อการดำเนินงานได้อย่างครบถ้วน บริษัทที่มีความก้าวหน้าในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (SCM) สามารถฟื้นตัวจากความล่าช้าในระบบห่วงโซ่อุปทานได้รวดเร็วกว่าเมื่อเที่ยบกับบริษัทที่ยังอยู่ในขั้นระยะเริ่มต้นของการพัฒนาความสามารถด้านนี้

เอบีม คอนซัลติ้ง ได้ระบุถึงอุปสรรค 5 ประการที่ส่งผลต่อการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่:

1.       บทบาทและความรับผิดชอบที่ไม่ชัดเจนในด้านการจัดซื้อและการบริหารสินค้าคงคลัง

2.       การพึ่งพาการดำเนินงานที่ขาดมาตรฐาน

3.       การขาดการพัฒนาทักษะและศักยภาพบุคลากรในด้าน SCM

4.       ระบบและข้อมูลห่วงโซ่อุปทานที่ไม่เชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ

5.       การลงทุนในระบบและโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ต่อเนื่องในช่วงเวลาที่สถานการณ์ปกติ

สำหรับผู้นำองค์กร ผลการสำรวจชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการมีบทบาทเชิงรุก โดยผู้นำองค์กรต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดบทบาทและแนวทางเพื่อสร้างระบบ SCM ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถรับมือกับความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การกำหนดบทบาทในองค์กรให้ชัดเจน การส่งเสริมกระบวนการที่มีมาตรฐาน และการให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคล รวมทั้งการลงทุนในระบบข้อมูลแบบรวมศูนย์เพื่อเพิ่มความสามารถในการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำในช่วงวิกฤต ซึ่งจะช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทานได้ ในประเทศไทย ความยืดหยุ่นและการทำงานร่วมกันเป็นจุดแข็งสำคัญ มาตรการเหล่านี้สอดคล้องกับความสำคัญของการสร้างระบบที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างประโยชน์ให้กับระบบนิเวศขององค์กรโดยรวม อุตสาหกรรมการผลิตของไทยจึงควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบดิจิทัลที่สามารถเชื่อมโยงกระบวนการทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

สำหรับประเทศไทยที่อุตสาหกรรมการผลิตกำลังเผชิญความท้าทายจากความไม่แน่นอนระดับโลกและการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ การมีกลยุทธ์ SCM ที่คล่องตัวและปรับเปลี่ยนได้จึงเป็นเรื่องสำคัญ บริษัทในประเทศไทยเป็นที่รู้จักในด้านความยืดหยุ่นและการทำงานร่วมกัน หากสามารถนำคำแนะนำเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบดิจิทัลที่เชื่อมโยงกัน จะช่วยลดความเสี่ยงเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

งานวิจัยนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ผู้นำองค์กรจำเป็นต้องมอง SCM ให้เป็นทรัพย์สินเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในแนวหน้า ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือเบื้องหลัง ผ่านการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างแผนก การเตรียมความพร้อมในช่วงที่สถานการณ์ปกติ และการนำดิจิทัล โซลูชันเข้ามาปรับใช้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง และสร้างโอกาสในการแข่งขันในตลาดโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน

การนำมาตรการเหล่านี้ไปปรับใช้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่ตอบสนองต่อความเสี่ยง ลดผลกระทบต่อการดำเนินงานและการเงิน เพิ่มความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เอบีม คอนซัลติ้ง เชื่อมั่นว่ากลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความสามารถในการฟื้นตัวให้กับอุตสาหกรรมการผลิตทั้งในญี่ปุ่นและไทย เพื่อผลักดันการเติบโตที่ยั่งยืนในตลาดที่มีความผันผวน

เอบีม คอนซัลติ้ง เราใช้ความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์ในฐานะผู้นำด้าน SAP โซลูชันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อช่วยสนับสนุนองค์กรในการเปลี่ยนแปลงระบบห่วงโซ่อุปทานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัย เรามุ่งเน้นการออกแบบโซลูชันที่เหมาะสมเฉพาะสำหรับความต้องการของแต่ละธุรกิจ เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวและดำเนินงานได้อย่างมั่นคงในสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เอบีม คอนซัลติ้ง ร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงกระบวนการธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มีประสิทธิภาพ ผ่านบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่การประเมิน ออกแบบ ดำเนินการ ไปจนถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

สามารถดูกรณีศึกษาความสำเร็จของ SCM กับ เอบีม คอนซัลติ้ง ได้ที่นี่:https://www.abeam.com/th/en/service/scm/


บทความที่เกี่ยวข้อง
ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เยี่ยมชมงานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอมือ บ้านหนองโกวิทย์ จ.สระแก้ว
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วย นายนพพร สำมณี ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันออก ธ.ก.ส. ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงานของ วิสาหกิจชุมชน กลุ่มผ้าทอมือ
9 พ.ค. 2025
CIMB THAI มอบสิทธิพิเศษ จองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์รัฐบาล รับโค้ดส่วนลด Lazada ทันที!
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย หนึ่งในตัวแทนจำหน่ายพันธบัตรกระทรวงการคลัง รุ่นอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.65% มอบแคมเปญสุดพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ ผ่านแอปพลิเคชัน CIMB THAI หรือที่ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ
9 พ.ค. 2025
AWC โชว์กำไร 1,969 ล้านบาท ไตรมาส 1/2568 พุ่งก้าวกระโดดต่อเนื่อง เติบโต 23%  สะท้อนศักยภาพผลตอบแทนสูงด้วยเงินปันผลเติบโตถึง 50%  พร้อมเพิ่ม 3 โครงการใหม่เสริมพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพ
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC เผยผลประกอบการไตรมาส 1
9 พ.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy