กนง. มีมติคงดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.75% ท่ามกลางความเสี่ยงทั้งภายในและต่างประเทศ
อัพเดทล่าสุด: 30 มิ.ย. 2025
108 ผู้เข้าชม
- กนง. มีมติ 6 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.75% ต่อปี จากเศรษฐกิจไทยครึ่งแรกของปี 2568 ที่ขยายตัวสูงกว่าที่คาดจากการส่งออกที่ขยายตัวสูงต่อเนื่องเริ่มส่งผลดีต่อภาคการผลิตบางส่วน ท่ามกลางความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งชายแดน และความไม่แน่นอนทางการเมือง
- โดย กนง. ได้ปรับการคาดการณ์ GDP ปี 2568 สูงขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.0% มาเป็น 2.3% ทั้งนี้ กนง. เห็นว่าเศรษฐกิจในปี 2568 ไม่น่าจะขยายตัวต่ำกว่า 2% หากไม่มี Shock จากเศรษฐกิจโลกที่รุนแรง ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังมีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมาย จากปัจจัยด้านอุปทาน ขณะที่ยังคงต้องติดตามภาวะการเงินที่ตึงตัวและความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้น
- ประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่ กนง. จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมสู่ระดับ 1.50% ภายในปี 2568 จากเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยขึ้นกับผลของการเจรจากับสหรัฐฯ หลังความคืบหน้าของไทยยังไม่ชัดเจน และผลกระทบต่อราคาพลังงานหลังความขัดแย้งในตะวันออกกลางร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง
กนง. มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.75% ต่อปี ในการประชุมครั้งที่ 3/2568 โดยมีสาระสำคัญดังนี้
- เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าที่ประเมินไว้จากการประชุมครั้งก่อน จากการเร่งส่งออกสินค้าในช่วงครึ่งปีแรกที่ส่งผลดีบางส่วนต่อภาคการผลิต โดยคาดว่าการขยายตัวในช่วงครึ่งแรกของปีอยู่ที่ร้อยละ 2.9 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะการส่งออกในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง ครึ่งปีหลังของ 2568 มีทิศทางชะลอตัว จากการส่งออกหลังปัจจัยชั่วคราวหมดลง พร้อมกับผลการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ที่จะชัดเจนขึ้น
- ขณะเดียวกัน การใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศมีสัญญาณอ่อนแรงลงตามกำลังซื้อและความเชื่อมั่นที่ถดถอย
- ภาคท่องเที่ยว แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลง แต่รายได้ จากการท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวระยะไกล ทั้งนี้ ภาคธุรกิจบางส่วนยังคงเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันของสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ
- กนง. ปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจ
- โดยหลักจากการส่งออกที่ไม่รวมทองคำ ที่ใน H1/68 จะขยายตัวได้ที่ 10.9% แต่จะกลับมา หดตัวในช่วง H2/68 ที่ -2.9% จากผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
- โดย กนง. ย้ำว่าเศรษฐกิจในปี 2568 ไม่น่าจะขยายตัวต่ำกว่า 2% หากไม่มี Shock จากเศรษฐกิจโลกที่รุนแรง
- ภาวะการเงินของไทยยังคงมีความตึงตัว สะท้อนจากสินเชื่อที่ยังหดตัวโดยเฉพาะสินเชื่อโดยเฉพาะ SMEs และครัวเรือนกลุ่มรายได้ต่ำ แม้สินเชื่อขนาดใหญ่จะยังขยายตัวได้ แต่เห็นแนวโน้มการชำระคืนหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น สะท้อนความต้องการของภาคธุรกิจที่ลดลงในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่ด้านคุณภาพสินเชื่อยังปรับด้อยลงโดยเฉพาะสินเชื่อ SMEs และสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นประเด็นที่ กนง. ติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด
- ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไป กนง. ประเมินว่ามีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมาย โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 0.5% ในปี 2568 และ 0.8% ในปี 2569 ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยด้านอุปทานเป็นสำคัญ โดยเฉพาะราคาพลังงานที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันโลกและราคาอาหารสดที่ผันผวน ซึ่งทั้งสองหมวดนี้คิดเป็นสัดส่วน 30% ของตะกร้าเงินเฟ้อ
- อย่างไรก็ตาม กนง. ประเมินว่าภาวะดังกล่าวยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เนื่องจากไม่มีการปรับลดของราคาสินค้าและบริการเป็นวงกว้าง
- ด้านเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ที่ 1.0% ในปี 2568 และ 0.9% ในปี 2569 และเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังคงยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย ไม่มีสัญญาณของการหลุดออกจากจุดยึดเหนี่ยว (de-anchoring) โดยระยะข้างหน้า กนง. กังวลต่อความเสี่ยงจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลให้ราคาพลังงานปรับสูงขึ้น
- Krungthai COMPASS ยังคงคาดว่า กนง. อาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมสู่ระดับ 1.50% จากเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง แม้ กนง. จะปรับประมาณการณ์ GDP ปี 68 ให้สูงขึ้นอยู่ที่ 2.3% จาก
- ในระยะข้างหน้าต้องติดตามความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน หลัง กนง. คงดอกเบี้ย ท่ามกลางปัจจัยภายนอกที่มีความผันผวนสูง ทั้ง 1) ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะผลต่อราคาน้ำมัน และ 2) แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ (Fed) ที่ยังไม่แน่นอนจากผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าและราคาน้ำมันที่อาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้นอีกครั้ง โดยเงินบาทและค่าเงินใน
ภูมิภาคนับตั้งแต่การประกาศมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ (Liberation Day) มีความผันผวนต่อเนื่อง และปัจจุบันอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา (มากกว่า percentile ที่ 75) ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงินเคลื่อนไหวรุนแรงหากความเสี่ยงเร่งตัวขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารประสบความสำเร็จได้รับรางวัลระดับเอเชีย Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2025 สาขา Social Empowerment จาก MyMo Secure Plus
30 มิ.ย. 2025
AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ลงนามในสัญญาสินเชื่อระยะยาวประเภท Green Loan มูลค่า 7,904 ล้านบาท
30 มิ.ย. 2025
ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เข้ารับรางวัลอันทรงเกียรติ สุดยอดผู้บริหารองค์กรแห่งปี
30 มิ.ย. 2025