KTX เตือนเพิ่มความระวัง ไตรมาส 3 พายุเศรษฐกิจพัดแรง ลงทุนเสี่ยงสูง ลดเป้า SET เหลือ 1,116 จุด แนะเก็บหุ้นปันผล สะสมทองคำเพิ่มเซฟโซน
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ KTX เพิ่มความระมัดระวังการลงทุน ประเมินไตรมาส 3/2568 เผชิญพายุเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศดันความเสี่ยงสูงขึ้น จับตาสหรัฐฯ เศรษฐกิจเติบโตชะลอลง กังวลเงินเฟ้อทำให้ลดดอกเบี้ยยาก กดเงินดอลลาร์อ่อนค่า ต่างชาติโยกการลงทุนเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย มองตลาดหุ้นไทยยังผันผวนสูง แถมเปราะบาง จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการเมือง ห่วงนโยบายภาษีทรัมป์อาจกระทบกำไร บจ. ในครึ่งปีหลัง ปรับเป้า SET อยู่ที่ 1,116 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนแบบ Selective ในหุ้นปันสูง ราคาไม่แพง พร้อมสะสมทองคำติดพอร์ต
นายณัฐวุฒิ จันทนะจุลพงศ์ นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส KTX กล่าวว่า ท่ามกลางความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากพายุเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ การลงทุนในไตรมาส 3 ปี 2568 ต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เผชิญความท้าทายจากปัญหาหนี้สาธารณะเพิ่มสูง และแรงกดดันจากภาระดอกเบี้ยสูง แต่ไม่สามารถลดดอกเบี้ยลงได้เร็วตามต้องการ เนื่องจากกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตแบบชะลอลง ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนลงมากถึง 10% นับจากต้นปี 2025 กระทบต่อผลตอบแทนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จึงมีแนวโน้มโยกการลงทุนไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ ทองคำ และสกุลเงินปลอดภัย เช่น เยน, ฟรังก์สวิส รวมถึงสกุลเงินบาท ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยของภูมิภาค
ส่วนตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนและเปราะบาง จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและความเสี่ยงทางการเมือง โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจกดดันกำไรบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เป็นต้นไป รวมถึงความเสี่ยงเฉพาะตัวที่อาจเพิ่มขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่ KTX จึงปรับลดเป้าหมาย SET มาอยู่ที่ 1,116 จุด ซึ่งทางเทคนิคดัชนีมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในนัยของการปรับขึ้นมากกว่า มีแนวต้านเป้าหมายบริเวณ 1,140-1,150 จุด หากผ่านจุดนี้ได้จะเปิดทางขยับขึ้นไปยัง 1,200 จุดอีกครั้ง โดยมีประเด็นภาษีตอบโต้สหรัฐฯ เป็นปัจจัยชี้นำทิศทางของดัชนี
แนะนำลงทุนแบบ Selective ในหุ้นราคาไม่แพง หนี้สินต่ำ และจ่ายปันผลสูง ที่รองรับความผันผวนได้ดี อาทิ TFG, SYNEX, KBANK, ADVANC, GULF โดยกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มโดดเด่นจากความหวังเรื่องจ่ายเงินปันผล เราเลือก KBANK, SCB, BBL และ KTB ตามด้วยหุ้นพลังงานอย่าง GULF ซึ่งเป็นโอกาสเข้ารับหลังราคาปรับตัวลงมาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มที่สามารถคาดหวังแนวโน้มผลประกอบการเติบโต เช่น TFG ในกลุ่มอาหาร และกลุ่ม ICT ได้แก่ ADVANC, TRUE, SYNEX
นอกจากนี้ KTX แนะนำให้สะสมทองคำ (Gold Online Futures GOU25) ในพอร์ตด้วย โดยประเมินเป้าหมายราคาทองคำระยะ 12 เดือนข้างหน้าที่ 3,936 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยโอกาสอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และสงครามการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างสหรัฐฯ ยุโรป และกลุ่ม BRICS รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของความต้องการทองคำ เห็นได้จากการเร่งเพิ่มถือครองทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก สอดรับกับมุมมองทางเทคนิคที่ราคาทองคำมีโอกาสลุ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่เหนือ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะมีหลากหลายปัจจัยกดดัน แต่ KTX ยังมีมุมมองบวก จากการที่นักวิเคราะห์ยังคงปรับประมาณกำไรของบริษัทจดทะเบียน S&P500 ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ นำโดยกลุ่มบริการสื่อสาร และเทคโนโลยี ซึ่งได้รับประโยชน์โดยตรงจากการลงทุนและประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในธุรกิจต่าง ๆ เช่นเดียวกับกลุ่มการเงินและธนาคารของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่อง อีกทั้งมีจิตวิทยาเชิงบวกจากแนวโน้มการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ทางการเงินในครึ่งปีหลัง
การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ KTX แนะนำให้มุ่งเน้นกลยุทธ์ Selective ในหุ้นที่เติบโตสอดคล้องกับธีม AI และมีกำไรสม่ำเสมอ โดยหุ้นที่โดดเด่น อาทิ Nvidia, Meta Platform, Reddit, CrowdStrike และ ในกลุ่มธนาคารอย่าง JPMorgan ส่วนการเก็งกำไรแนะนำกลุ่มพลังงานนิวเคลียร์อย่าง US Electrification ETF (ZAP) ตามความต้องการไฟฟ้าที่เร่งตัวขึ้นและได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐ ซึ่งการลงทุนในภาวะที่พายุพัดแรง ต้องรู้ว่าจะหยุดรอจังหวะไหน และไปต่ออย่างไร นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย