แชร์

โซลูชันการชำระเงินดิจิทัล ตัวช่วยเสริมประสิทธิภาพการเติบโตให้ธุรกิจ SMB

อัพเดทล่าสุด: 18 ส.ค. 2025
73 ผู้เข้าชม

ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (Small and Medium Sized Business - SMB)  เป็นกลไกสำคัญของเศรษฐกิจไทยที่ขับเคลื่อนนวัตกรรม สร้างการจ้างงาน และส่งเสริมการเติบโตของประเทศ กระทรวงพาณิชย์ยังเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากกลุ่ม SMB เป็น 6.6 ล้านล้านบาทในปี 2567 ซึ่งคิดเป็นประมาณ 36 เปอร์เซ็นต์ ของ GDP ประเทศไทย

การสนับสนุนธุรกิจ SMB ก็เป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์หลักของวีซ่า โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ผู้ประกอบการกำลังเผชิญกับภูมิทัศน์ดิจิทัลที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบหลายด้าน อาทิ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หรือมาตรการใหม่ ๆ อย่างนโยบาย e-invoicing ของประเทศไทยที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับกลุ่มธุรกิจ SMB ในการเริ่มต้นปรับรูปแบบการบริหารการเงินและการดำเนินธุรกิจให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เร็ว ๆ นี้ วีซ่า ได้ทำการศึกษาเรื่อง ความต้องการบริการทางการเงินแบบดิจิทัลและการชำระเงินของธุรกิจ SMB ในประเทศไทย[1] ซึ่งเผยข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถสนับสนุนธุรกิจ SMB ได้อย่างตรงจุด ทั้งในด้านการเสริมสร้างรากฐานทางการเงินให้แข็งแกร่ง และการมอบโซลูชันการชำระเงินดิจิทัลที่เหมาะสม เพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้มีความยืดหยุ่น แข่งขันได้ และพร้อมรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงในอนาคต

ในความก้าวหน้าที่ยังมีความท้าทาย

จากผลการศึกษาของวีซ่า พบว่า ธุรกิจ SMB ในประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างมากในการปรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าให้เป็นดิจิทัล โดยมากกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ ได้เริ่มใช้การตลาดและการขายผ่านช่องทางดิจิทัลแล้ว อย่างไรก็ตาม กระบวนการจัดการทางการเงินยังคงอยู่ในรูปแบบอนาล็อก ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินให้ซัพพลายเออร์ การติดตามค่าใช้จ่าย หรือการบริหารกระแสเงินสด โดยเจ้าของธุรกิจจำนวนไม่น้อยยังคงใช้บัตรส่วนตัวในการจัดการเรื่องการเงินของธุรกิจ โดย 80 เปอร์เซ็นต์ ของ SMB ยังใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตส่วนตัวในการใช้จ่ายฉุกเฉินของธุรกิจ และ 73 เปอร์เซ็นต์ ใช้จ่ายเกินกว่า 5,000 บาท ในการทำธุรกรรมต่อรายการ

หนึ่งในปัจจัยสำคัญของการบริหารการเงินคือการแยกค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าใช้จ่ายของธุรกิจอย่างชัดเจน การแยกส่วนนี้ไม่เพียงช่วยให้การทำบัญชีเป็นเรื่องง่ายขึ้น แต่ยังช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับธุรกิจได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

เมื่อเจ้าของธุรกิจ SMB ใช้บัตรส่วนตัวในการชำระค่าใช้จ่ายของธุรกิจ พวกเขามักต้องเสียเวลาตรวจสอบรายการธุรกรรมเพื่อจำแนกระหว่างค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าใช้จ่ายของบริษัท ทั้งยังเสี่ยงต่อความผิดพลาดและการแจ้งรายการทางบัญชีที่คลาดเคลื่อนได้อีกด้วย ยิ่งกว่านั้น บัตรส่วนตัวยังไม่มีเครื่องมือและสิทธิประโยชน์ในการบริหารการเงินที่ครบครันเมื่อเทียบกับบัตรที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจโดยเฉพาะ

บัตรเพื่อธุรกิจไม่ว่าจะเป็นบัตรเดบิต บัตรพรีเพด หรือบัตรเครดิต ถือเป็นตัวช่วยในการจัดการปัญหาเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้บัตรทำธุรกรรมของธุรกิจโดยเฉพาะ เจ้าของกิจการ SMB จะสามารถจัดเก็บข้อมูลทางการเงินได้อย่างเป็นระบบและชัดเจน ซึ่งช่วยให้การทำบัญชีง่ายขึ้น และสามารถติดตามและบริหารจัดการการเงินของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บัตรธุรกิจยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจโดยเฉพาะ เช่น ระบบติดตามค่าใช้จ่าย การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด และการเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์บัญชี สำหรับบัตรเครดิตเพื่อธุรกิจ ยังมีบริการเพิ่มเติมที่บัตรส่วนตัวไม่สามารถให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นวงเงินหมุนเวียนที่เหมาะสม โปรแกรมสะสมแต้มที่ออกแบบเพื่อธุรกิจโดยเฉพาะ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น ประกันการเดินทาง การคุ้มครองสินค้า และส่วนลดสำหรับบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

ผู้ประกอบการ SMB สามารถใช้ประโยชน์เหล่านี้เพื่อเสริมสภาพคล่องของกระแสเงินสด ทั้งยังได้รับคะแนนสะสมและรางวัลอื่น ๆ เมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตร นอกจากนี้ การมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่พร้อมใช้งาน ยังช่วยให้ธุรกิจได้โอกาสในการลงทุนอย่างทันท่วงที

โซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการสำหรับธุรกิจ SMB

การศึกษานี้ ยังเผยให้ทราบว่า มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ของธุรกิจ SMB เชื่อว่าการมีบัตรธุรกิจแบบเสมือนจริง หรือบัตรเวอร์ชวล (Virtual Business Card) จะช่วยลดความจำเป็นในการนำเงินส่วนตัวมาใช้จ่ายในธุรกิจ ทำให้เครื่องมือทางการเงินแบบดิจิทัลกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจยิ่งขึ้น บัตรแบบเวอร์ชวลเหล่านี้มาพร้อมฟีเจอร์หลากหลาย เช่น การกำหนดวงเงินการใช้จ่าย การติดตามธุรกรรมแบบเรียลไทม์ การกำหนดวงเงินตามระดับตำแหน่งและประเภทงาน และการเชื่อมต่อกับระบบบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างไร้รอยต่อ คุณสมบัติเหล่านี้เป็นสิ่งที่บริษัทมองหาเพื่อการยกระดับการบริหารค่าใช้จ่าย และเพิ่มความโปร่งใสในการจัดการทางการเงินของธุรกิจ

นวัตกรรมโซลูชันของวีซ่าที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจ SMB โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นบัตรธุรกิจแบบเวอร์ชวล หรือเครื่องมือบริหารค่าใช้จ่ายผ่านมือถือ ล้วนถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยเจ้าของกิจการควบคุมการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความโปร่งใส และลดภาระงานด้านเอกสารและการจัดการทางบัญชีในแต่ละวัน

ผลการศึกษาของวีซ่า พบว่าสี่ในห้าหรือ 79 เปอร์เซ็นต์ ของธุรกิจ SMB ได้เริ่มใช้งานเครื่องมือดิจิทัลในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายบ้างแล้ว แม้กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กยังมีการใช้เครื่องมือบริหารการเงินแบบใหม่ไม่มากนัก แต่ก็มีความสนใจในโซลูชันดิจิทัล ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความต้องการนี้ ได้แก่ ความสามารถในการติดตามรายรับรายจ่าย (60 เปอร์เซ็นต์) ใช้งานได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ (50 เปอร์เซ็นต์) การผูกกับบัญชีธนาคาร (35 เปอร์เซ็นต์) และการเข้าถึงข้อมูลบัญชีแบบเรียลไทม์ (30 เปอร์เซ็นต์) แนวโน้มเหล่านี้สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจ SMB ในการใช้งานโซลูชันทางการเงินที่ชาญฉลาด และยืดหยุ่นยิ่งขึ้น ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการใช้งานได้ตามขนาดธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

พันธมิตร คือกุญแจสำคัญที่สนับสนุนทั้งระบบนิเวศ

วีซ่าเป็นเครือข่ายการชำระเงินดิจิทัล และเราเชื่อในความสำคัญของความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบนิเวศ ด้วยการทำงานร่วมกัน เราสามารถผลักดันสถาบันการเงินและฟินเทค ในการนำเสนอโซลูชันการชำระเงินที่ล้ำสมัยแก่ภาคธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่อาจจะยังไม่มีข้อสรุปว่าจะใช้ระบบการชำระเงินและโซลูชันดิจิทัลอย่างไร เพราะพวกเขาให้ความสนใจกับเรื่องที่สิ่งสำคัญ เช่น การทำกำไร การขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ และการบริหารต้นทุนการดำเนินงาน ซึ่งวีซ่าเชื่อว่าการนำเสนอและสนับสนุนโซลูชันการชำระเงินดิจิทัล จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ความคล่องตัว และการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจเชิงลึก พร้อมการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิผล

ด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจและมาตรการใหม่ ๆ เช่น การออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ (e-invoice) ที่จะเริ่มบังคับใช้ในอีกไม่นานนี้  ที่ธุรกิจ SMB ไม่สามารถรอได้อีกต่อไป ข่าวดีคือข้อมูลจากการศึกษาของวีซ่าชี้ให้เห็นว่า 63 เปอร์เซ็นต์ ของธุรกิจเหล่านี้ได้เตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ e-invoicing แล้ว และมองว่านี่คือโอกาสในการอัปเกรดระบบและยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานของตนเอง

วิสัยทัศน์ของวีซ่าคือการเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ทอัพสายเทคที่กำลังเติบโต ไปจนถึงร้านค้าของครอบครัว ให้สามารถมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในเศรษฐกิจดิจิทัล ธุรกิจ SMB ควรเข้าถึงเครื่องมือที่ช่วยให้พวกเขาจัดการกับความซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ และขยายธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในแบบของตนเอง วีซ่าภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมกับ SMB ไทย ไม่ใช่แค่ในฐานะผู้ให้บริการด้านการชำระเงิน แต่ในฐานะพันธมิตรที่น่าเชื่อถือในด้านนวัตกรรม บริการทางการเงินที่เข้าถึงได้ และความสำเร็จที่ยั่งยืน

โปรดติดตามการเผยแพร่รายงานการศึกษาฉบับเต็มเรื่อง ความต้องการบริการทางการเงินแบบดิจิทัลและการชำระเงินของธุรกิจ SMB ในประเทศไทย ซึ่งจะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและแนวทางปฏิบัติ เพื่อช่วยให้ธุรกิจ SMB ปลดล็อกศักยภาพด้านการเงินดิจิทัล และเติบโตอย่างแข็งแกร่งในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

การศึกษาเกี่ยวกับความต้องการบริการทางการเงินแบบดิจิทัลและการชำระเงินของธุรกิจ SMB ในประเทศไทย โดย วีซ่า จัดทำในเดือนพฤษภาคม 2568 โดยสำรวจความคิดเห็นของธุรกิจ SMB จำนวน 800 ราย ในประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนพนักงานระหว่าง 5 ถึง 200 คน และมีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 2 ล้านบาท ไปจนถึง 500 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วประเทศ


บทความที่เกี่ยวข้อง
AWC เดินหน้าพัฒนาโครงการคุณภาพ ร่วมมือ A49 พันธมิตรสถาปนิกชั้นนำ สร้างสถาปัตยกรรมมาตรฐานระดับโลกควบคู่ศิลปวัฒนธรรมไทย พร้อมสนับสนุนประเทศไทยด้วยโครงการเสริมท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก
แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร เดินหน้าความร่วมมือระยะยาวกับ บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) บริษัทสถาปนิกชั้นนำของไทยที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและระดับสากล
18 ส.ค. 2025
NER พบนักวิเคราะห์และนักลงทุน ประจำไตรมาส 2 /2568
นายชูวิทย์  จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นายศักดิ์ชัย จงสถาพงษ์พันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชี การเงิน และนางสาวปาร์ย อรรถพิสาล  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)
18 ส.ค. 2025
กลุ่มธุรกิจ TCP เปิดเวทีประชุมความยั่งยืน ชูแนวคิด Sustainable Growth: The Future of Growth  ชี้การเติบโตที่ยั่งยืนคือทางรอดของธุรกิจในโลกยุคใหม่
กลุ่มธุรกิจ TCP จัดงาน TCP Sustainability Forum 2025 ปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด Sustainable Growth: The Future of Growth (การเติบโตที่ยั่งยืน: สู่อนาคตใหม่ของการเติบโต) สะท้อนวิสัยทัศน์เชิงรุกของกลุ่มธุรกิจ TCP ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติบโตอย่างรวดเร็ว
18 ส.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy