แชร์

สัญญาณการอ่อนแรงของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศแกนหลักหนุนการดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลาย

อัพเดทล่าสุด: 19 ส.ค. 2025
221 ผู้เข้าชม

คาดเฟดให้น้ำหนักการชะลอตัวของเศรษฐกิจขึ้น เพิ่มโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี ในเดือนกรกฎาคม อัตราเงินเฟ้อทั่วไปทรงตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.7% YoY ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขยับขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ 2.9% สู่ระดับ 3.1% ใกล้เคียงกับคาดการณ์ของตลาด ขณะที่ยอดค้าปลีกเติบโตจากเดือนก่อน 0.5% ชะลอลงจาก 0.9% ในเดือนมิถุนายน สอดคล้องกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ 58.6

เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจนขึ้นในระยะข้างหน้า ภายใต้แรงกดดันจากการปรับขึ้นภาษีศุลกากรเริ่มสะท้อนให้เห็นผ่านการจ้างงานที่ลดลงค่อนข้างมากและการบริโภคที่ชะลอตัว ปัจจัยดังกล่าวจะลดแรงกดดันด้านราคาจากฝั่งอุปสงค์หรือลด Demand-pull pressure ขณะเดียวกันแม้ว่าการขึ้นภาษีนำเข้าจะส่งผลต่อ Cost-push pressure แต่คาดว่าผลกระทบจำกัดเนื่องจากราคาพลังงานโลกอยู่ในระดับต่ำ จากปัจจัยดังกล่าวบวกกับอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต วิจัยกรุงศรีจึงคาดว่าเฟดมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกประมาณ 2-3 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้

การบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ช่วยลดความเสี่ยงขาลงต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่คาด BOJ ไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นในไตรมาส 2 ขยายตัว 0.3% QoQ สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 0.1% ผ่านแรงหนุนจากการส่งออกและการลงทุน อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนโตเพียง 0.2% ซึ่งสะท้อนกำลังซื้อที่ชะลอตัว

แม้ว่าญี่ปุ่นจะถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกและแรงหนุนจากภาคบริการ (สัดส่วน 70% ต่อ GDP) ยังคงแข็งแกร่งคาดว่าจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการชะลอตัวรุนแรงของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาคการส่งออกและการผลิตจะกดดันเศรษฐกิจชัดเจนขึ้น เนื่องจากผลบวกของ front-loading กำลังจะหายไป และความต้องการสินค้าในตลาดโลกอ่อนแอลงหลังการปรับขึ้นภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ เริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จากเหตุผลข้างต้น วิจัยกรุงศรีคาดว่า BOJ จะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% จนถึงสิ้นปีนี้

เศรษฐกิจจีนเริ่มส่งสัญญาณอ่อนแรง ยอดค้าปลีกสินค้าขยายตัวชะลอลงจาก 4.8% YoY ในเดือนมิถุนายนเหลือเพียง 3.7% ในเดือนกรกฎาคม การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรชะลอแรงจาก 2.8% ในช่วง 6 เดือนแรกเหลือเพียง 1.6% ในช่วง 7 เดือนแรก ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ต่ำกว่า 1% นานต่อเนื่อง 29 เดือน สอดคล้องกับดัชนีราคาผู้ผลิต ซึ่งหดตัวติดต่อกันนานเกือบ 3 ปี ขณะที่ยอดสินเชื่อใหม่ในเดือนกรฏาคมติดลบครั้งแรกในรอบ 20 ปี

ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจล่าสุดสะท้อนถึงแรงหนุนภายในประเทศที่เริ่มอ่อนแอลง ขณะที่จีนยังคงเผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้า แม้สหรัฐฯ-จีนขยายเวลาการเจรจาเรื่องภาษีนำเข้าต่ออีก 90 วันจนถึง 10 พฤศจิกายน ด้านรัฐบาลเตรียมออกมาตรการช่วยจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้แก่ธุรกิจภาคบริการบางกลุ่ม และผู้บริโภค รวมถึงมาตรการควบคุมการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง เช่น การห้ามตั้งราคาเพื่อกำจัดคู่แข่งขัน การควบคุมกำลังผลิตภาคอุตสาหกรรม และการจัดระเบียบการส่งเสริมการลงทุนของท้องถิ่น อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นโดยรวมที่ยังอ่อนแออาจลดทอนประสิทธิผลของมาตรการกระตุ้นการบริโภค ขณะที่มาตรการแก้ปัญหาสงครามราคาและอุปทานส่วนเกินอาจกดดันเศรษฐกิจในระยะสั้น และจำเป็นต้องอาศัยเวลากว่าจะเริ่มเห็นผลบวกชัดเจน

เศรษฐกิจไทย

เศรษฐกิจไทยครึ่งแรกของปีโต 3% วิจัยกรุงศรียังคงประมาณการ GDP ปี 2568 ขยายตัวที่ 2.1%

กนง.ลดดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.50% เพื่อช่วยบรรเทาภาระของกลุ่มเปราะบางเป็นสำคัญ วิจัยกรุงศรีคาดปรับลดอีก 1-2 ครั้งภายในไตรมาสแรกปีหน้า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 13 สิงหาคม มีมติเอกฉันท์ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.75% เป็น 1.50% โดยชี้ว่าแม้เศรษฐกิจปี 2568 และ 2569 ขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ แต่ผลของมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯจะซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างและขีดความสามารถในการแข่งขัน  รวมทั้งเศรษฐกิจบางภาคส่วนมีความเปราะบางมากขึ้นโดยเฉพาะ SMEs และผู้รายได้น้อย  ซึ่งเผชิญความเสี่ยงด้านเครดิตสูงขึ้นสะท้อนจากการหดตัวของสินเชื่อ

วิจัยกรุงศรีประเมินว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้ของกนง. สะท้อนการเปลี่ยนท่าทีจากเดิมที่ให้ความสำคัญกับ การรักษาพื้นที่นโยบาย มาสู่ การสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความเสี่ยงด้านต่ำที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และการส่งผ่านนโยบายการเงินที่ยังไม่ทั่วถึง โดยธปท.ระบุว่าการปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะช่วยบรรเทาภาระของกลุ่มเปราะบาง อย่างไรก็ตาม แรงกดดันต่อการเติบโตยังมีอยู่ต่อเนื่อง ทั้งจากการหดตัวของสินเชื่อ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง ความไม่แน่นอนทางการเมือง ความตึงเครียดชายแดนไทยกัมพูชา การส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัวหลังจากเร่งส่งออกไปก่อนล่วงหน้า นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯเพิ่มเติมในรายอุตสาหกรรม รวมถึงการทะลักเข้าของสินค้าจีนและสหรัฐฯ (Twin influx)  ภายใต้ปัจจัยหล่านี้ วิจัยกรุงศรีคาดว่ามีโอกาสที่กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 1-2 ครั้งภายในไตรมาสแรกของปี 2569 โดยยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินมหภาค ภายใต้ข้อจำกัดของพื้นที่นโยบายที่มีอยู่จำกัด

GDP ไตรมาส 2 ปี 2568 เติบโต 2.8% YoY และ 0.6% QoQ จากปัจจัยชั่วคราวของการเร่งส่งออกสินค้าล่วงหน้า สภาพัฒน์ฯ รายงานเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสองของปีนี้ขยายตัว 2.8% ดีกว่าเล็กน้อยที่นักวิเคราะห์และวิจัยกรุงศรีคาดไว้ที่ 2.5% และ 2.7% YoY ตามลำดับ แต่ชะลอลงจาก 3.2% ใน 1Q68 โดย GDP ใน 2Q ได้แรงขับเคลื่อนจากการส่งออกสินค้าที่ยังเติบโตสูง แต่การส่งออกบริการชะลอลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้านการบริโภคภาคเอกชนโตชะลอลงจากการใช้จ่ายบริการเป็นสำคัญ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส ซึ่งเป็นผลจากฐานต่ำปีก่อน ขณะที่การลงทุนและการบริโภคภาครัฐแม้เติบโตชะลอลงแต่ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจโดยรวม ล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปีนี้ขยายตัวที่ 2.0%  จากเดิมคาดที่ 1.8%

วิจัยกรุงศรีประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ยังเผชิญแรงกดดันจากหลายด้านด้วยกัน ได้แก่ (i) การส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัวหลังจากการเร่งส่งออกล่วงหน้าในช่วงก่อน ประกอบกับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแรงลง (ii) การลงทุนภาคเอกชนอาจได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ และความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา (iii) ภาคการท่องเที่ยวที่ยังได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ต่ำกว่าคาด และการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศคู่แข่ง และ (iv) การบริโภคภาคเอกชน ซึ่งคาดว่าจะทรงตัว แม้มีมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ แต่อาจถูกกดดันจากผลกระทบของการขึ้นภาษีนำเข้าต่อการจ้างงานและรายได้ ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอ และราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 วิจัยกรุงศรีคาดว่าเศรษฐกิจอาจชะลอลงเหลือเพียง 1.3% YoY จากขยายตัว 3.0% ในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยทั้งปียังมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 2.1%


บทความที่เกี่ยวข้อง
ธ.ก.ส. เปิดตัว BAAC Matching เชื่อมโยงเกษตรกรและผู้บริโภคโดยตรง  ดันสินค้าแกลมเกษตรทั่วประเทศสู่ตลาดดิจิทัลในคลิกเดียว
ธ.ก.ส. เดินหน้าหนุนเกษตรไทยสู่ตลาดดิจิทัล เปิดตัว BAAC Matching แพลตฟอร์มดิจิทัลที่จะเชื่อมโยงลูกค้า ธ.ก.ส. เกษตรกรรายย่อย วิสาหกิจชุมชนกับผู้บริโภคโดยตรงไว้ในที่เดียว โดยสามารถเลือกซื้อสินค้าแกลมเกษตร ที่เต็มไปด้วยคุณภาพจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ
11 พ.ย. 2025
ครั้งแรก เด็กไทยโชว์สกิล AI  ออกแบบกระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล
เมื่อการประกวดออกแบบกระปุกมาถึงยุค AI ธนาคารออมสิน จึงได้เชิญชวนคนรุ่นใหม่ร่วมสร้างสรรค์ประกวดออกแบบ กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล ผ่าน AI Generative Tools ถ่ายทอดแนวคิดการออมในมิติใหม่
11 พ.ย. 2025
ไทยแถลงความพร้อม! เจ้าภาพ โมโตจีพี 2026 สนามเปิดฤดูกาล ใหญ่ขึ้น-สนุกขึ้น-ผู้ชมมากขึ้น ตั้งเป้าเป็นสนามที่ดีที่สุดและน่าจดจำที่สุดในปฏิทินแข่งขัน
ฐบาลไทย นำโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แถลงข่าวความพร้อมการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี สนามประเทศไทย ประจำปี 2569 ภายใต้ชื่อ PT Grand Prix of Thailand 2026
11 พ.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy