แชร์

กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.20-32.70 ติดตามข้อมูลสหรัฐและค่าเงินหยวน

อัพเดทล่าสุด: 3 พ.ย. 2025
169 ผู้เข้าชม

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.70 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 32.35 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.23-32.73 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือน เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ลดดอกเบี้ย 25bp เป็น 3.75-4.00% และประกาศยุติมาตรการ Quantitative Tightening ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม อย่างไรก็ดี ประธานเฟดเน้นย้ำว่ายังไม่ใช่ข้อสรุปที่แน่นอนว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนธันวาคม ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯพุ่งขึ้นโดยตลาดลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับดอกเบี้ยของเฟดในช่วงถัดไป ทางด้านเงินเยนอ่อนค่าลงหลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) คงดอกเบี้ยที่ 0.50% และแสดงท่าทีระมัดระวังต่อจังหวะเวลาที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่วนธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตรึงดอกเบี้ยที่ 2.00% ตามคาด ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 5,045 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสูงถึง 30,485 ล้านบาท ขณะที่ในเดือนตุลาคมเงินบาทแข็งค่าขึ้น 0.11%

สำหรับในสัปดาห์นี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูล ISM ภาคการผลิตและบริการรวมถึงการจ้างงานภาคเอกชนเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ขณะที่ภาวะ Government Shutdown เข้าสู่เดือนที่สอง ในภาพใหญ่ความต้องการขายดอลลาร์ในระยะนี้อาจถูกจำกัดจากการปรับคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดหลังจากเจ้าหน้าที่เฟดสะท้อนความคิดเห็นที่หลากหลายและหลีกเลี่ยงที่จะให้คำมั่นเกี่ยวกับความต่อเนื่องของการผ่อนคลายนโยบายการเงิน อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯกับจีนซึ่งช่วยคลายความวิตกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกอาจสนับสนุนการแข็งค่าของเงินหยวนและสกุลเงินในภูมิภาครวมถึงเงินบาท โดยนักลงทุนจะติดตามการตั้งค่ากลางรายวันสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนจีน ทั้งนี้ สหรัฐฯประกาศลดภาษีศุลกากรต่อสินค้าจีนเหลือ 47% จาก 57% ขณะที่จีนจะชะลอการควบคุมการส่งออกแร่หายาก

กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือนกันยายนเติบโต 19.0% สูงสุดรอบ 42 เดือน ขณะที่ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯชัดเจนมากขึ้น ส่วนมูลค่านำเข้าเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 17.2% ทางด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุประเด็นที่ต้องติดตามสำหรับเศรษฐกิจไทย ได้แก่ การฟื้นตัวของภาคการผลิต ผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ พัฒนาการภาคท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐและการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ


บทความที่เกี่ยวข้อง
TIJ ผนึก WJP และ กกร. รวมพลังภาครัฐเอกชน ยกระดับหลักนิติธรรมไทย สร้างความเชื่อมั่น ในระดับสากล
สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ประกาศความร่วมมือกับ World Justice Project (WJP) และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
18 ธ.ค. 2025
ปรนนิบัติผิวอย่างล้ำลึก ล็อกความชุ่มชื้น ไร้ปัญหาผิวแห้งกร้าน  ด้วย จีแอนด์เอช เนอริช จาก แอมเวย์
ความชุ่มชื้นของผิวมีความสำคัญต่อร่างกายและจิตใจของเราเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าสภาพอากาศและสภาพแวดล้อม จะเย็น แห้ง ร้อน ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติจากผิวที่เคยนุ่มเด้งอาจกลายเป็นแห้งตึง หยาบกร้าน และ ไม่สบายผิว
18 ธ.ค. 2025
Krungsri One Payment คว้ารางวัลระดับโลกด้านนวัตกรรมการชำระเงินองค์กร
กรุงศรี โดย นางสาวนิลวรรณ จีระบุญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกรรมการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) คว้ารางวัล Outstanding Innovation in Corporate Payments จากเวที Global Transaction Banking Innovation Awards 2025
18 ธ.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy