แชร์

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้เผยสุดยอดทำเลทองในรอบครึ่งแรกปี 68

อัพเดทล่าสุด: 6 ส.ค. 2025
204 ผู้เข้าชม

แม้ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2568 จะชะลอตัวตามสภาพเศรษฐกิจ แต่ยังมีแสงสว่างปลายอุโมงค์จากปัจจัยบวกทั้งจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ การผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ที่มีความพร้อมทางการเงินในการซื้อบ้าน/คอนโดมิเนียมเป็นของตัวเอง

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย เผยข้อมูลเชิงลึกจากผู้เข้าเยี่ยมชมในเว็บไซต์ www.DDproperty.com ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 (เก็บข้อมูลระหว่างเดือนมกราคม - มิถุนายน 2568) ที่แสดงความสนใจประกาศขาย-ให้เช่า และกรอกข้อมูลให้ติดต่อกลับ ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพในการซื้อ-เช่าในอนาคตมากที่สุด

โดยข้อมูลเหล่านี้สะท้อนเทรนด์ความต้องการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคชาวไทยทั่วประเทศ พร้อมอัปเดตทำเลศักยภาพที่น่าจับตามองและมีทิศทางเติบโตในอนาคต ซึ่งทำเลยังคงเป็นปัจจัยอันดับต้น ๆ ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเมื่อต้องการซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัย

อย่างไรก็ดี อีกหนึ่งความท้าทายที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 คือภัยธรรมชาติที่คาดเดาไม่ได้อย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาและเกิดแรงสั่นสะเทือนที่รับรู้ได้ในไทยเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ได้กลายเป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่อการวางแผนเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้นได้ส่งผลเชิงบวกต่อตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่ได้รับความสนใจซื้อเพิ่มขึ้น โดยความต้องการซื้อทาวน์เฮ้าส์ในกรุงเทพฯ ณ เดือนเมษายน 2568 เติบโตขึ้น 4% จากเดือนมีนาคม 2568 ที่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขณะที่ความต้องการซื้อคอนโดฯ ลดลงถึง 31% เนื่องจากผู้บริโภคบางส่วนกังวลเรื่องความปลอดภัยของอาคารสูงเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว แม้ว่าคอนโดฯ จะเป็นประเภทอสังหาฯ ที่ได้รับความนิยมและตอบโจทย์วิถีชีวิตในกรุงเทพฯ ก็ตาม ซึ่งคาดว่าเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากความต้องการซื้อคอนโดฯ ได้ปรับเพิ่มขึ้น 5% ในเดือนพฤษภาคม ดังนั้นจึงต้องจับตาดูสถานการณ์และปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ในระยะยาวต่อไป

กรุงเทพฯ ครองแชมป์จังหวัดยอดนิยมของคนหาบ้านทั่วประเทศ

กรุงเทพมหานครยังคงเป็นจังหวัดที่ได้รับความต้องการซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยมากที่สุดในช่วงครึ่งปีแรก โดยจังหวัดที่ได้รับความต้องการซื้อรองลงมา ได้แก่ อันดับ 2 นนทบุรี, อันดับ 3 สมุทรปราการ, อันดับ 4 ชลบุรี และอันดับ 5 ปทุมธานี จะเห็นได้ว่าจังหวัดปริมณฑลยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ซื้อ โดยได้อานิสงส์จากการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างใจกลางกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑลให้สะดวกมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในแถบชานเมืองที่มีราคาย่อมเยากว่าแทน

ขณะที่จังหวัดที่ได้รับความต้องการเช่ารองลงมา ได้แก่ อันดับ 2 สมุทรปราการ, อันดับ 3 นนทบุรี, อันดับ 4 ชลบุรี และอันดับ 5 ภูเก็ต 

สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยในหัวเมืองท่องเที่ยวเติบโตตามการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยว ผู้บริโภคชาวไทยและชาวต่างชาติต่างมองหาที่อยู่อาศัยเพื่อใช้เป็นบ้านพักตากอากาศ หรือวางแผนอยู่อาศัยในวัยเกษียณ รวมทั้งตอบโจทย์เทรนด์การทำงานยุคใหม่ที่เปลี่ยนสถานที่ท่องเที่ยวให้กลายเป็นที่ทำงานตามเทรนด์ Workation ในปัจจุบัน

เขตวัฒนา ฮอตไม่หยุด ขึ้นแทนทำเลยอดนิยมของผู้ซื้อ-ผู้เช่าในเมืองหลวง 

ความหนาแน่นของประชากรที่เข้ามาเรียนและทำงานในเมืองหลวงส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ ยังคงมีทิศทางเติบโต ผู้พัฒนาอสังหาฯ จึงต้องใช้กลยุทธ์สร้างความแตกต่างและเลือกเปิดตัวโครงการในหลากหลายทำเล เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการที่อยู่อาศัยในทุกระดับราคาและทุกประเภทอสังหาฯ ข้อมูลการเข้าชมประกาศอสังหาฯ บนเว็บไซต์ DDproperty.com พบว่า เขตวัฒนา ยังได้รับความนิยมต่อเนื่องอีกปี ครองอันดับ 1 สุดยอดทำเลในกรุงเทพฯ ที่ได้รับความสนใจซื้อและเช่ามากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ (CBD) ที่น่าจับตามอง โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยทั้งการเดินทางที่สะดวกด้วยรถไฟฟ้า มีระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จึงเป็นทำเลที่มีศักยภาพในการลงทุนหรือเก็งกำไรในอนาคต

โดย 5 ทำเลในกรุงเทพฯ ที่มีความต้องการซื้อมากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ได้แก่

อันดับ 1 เขตวัฒนา
อันดับ 2 เขตจตุจักร
อันดับ 3 เขตประเวศ
อันดับ 4 เขตคลองเตย
อันดับ 5 เขตห้วยขวาง

ทั้งนี้ เมื่อแบ่งตามประเภทอสังหาฯ พบว่า เขตวัฒนา ถือเป็นทำเลในกรุงเทพฯ ที่มีความต้องการซื้อคอนโดฯ มากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ขณะที่ "เขตประเวศ" ขึ้นแท่นทำเลยอดนิยมของที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยเป็นทำเลในกรุงเทพฯ ที่มีความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์มากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 แม้จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอก แต่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกด้วยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง อีกทั้งเขตประเวศยังมีห้างสรรพสินค้าและสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่างสวนหลวง ร.9 ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง

ด้านตลาดเช่าที่อยู่อาศัย นอกจาก เขตวัฒนา จะเป็นทำเลในกรุงเทพฯ ที่มีความต้องการเช่ามากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 แล้ว เมื่อแบ่งตามประเภทอสังหาฯ พบว่า เขตวัฒนา ถือเป็นทำเลในกรุงเทพฯ ที่มีความต้องการเช่าคอนโดฯ และบ้านเดี่ยวมากที่สุดในรอบครึ่งปีแรก ขณะที่ เขตสวนหลวง เป็นทำเลในกรุงเทพฯ ที่มีความต้องการเช่าทาวน์เฮ้าส์มากที่สุดในรอบครึ่งปีแรก ด้วยอานิสงส์จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และการพัฒนาโครงการคมนาคมทั้งการตัดถนนใหม่ ขยายถนน ทำให้เขตสวนหลวงเดินทางได้สะดวกมากขึ้น จึงเป็นอีกย่านที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น

โดย 5 ทำเลในกรุงเทพฯ ที่มีความต้องการเช่ามากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ได้แก่

อันดับ 1 เขตวัฒนา 
อันดับ 2 เขตคลองเตย
อันดับ 3 เขตพระโขนง 
อันดับ 4 เขตราชเทวี
อันดับ 5 เขตปทุมวัน

อัปเดตทำเลแนวรถไฟฟ้ายอดนิยม BTS อ่อนนุช ยืน 1 ทำเลทองอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ DDproperty ยังได้รวบรวมข้อมูลผู้ซื้อ-เช่าที่เข้ามาค้นหาบ้าน-คอนโดฯ โดยมีการพิมพ์ในช่องค้นหาตามสิ่งที่สนใจ (Free Text) ค้นหาจากคำสำคัญ (Keyword) หรือใช้ฟิลเตอร์ต่าง ๆ บนเว็บไซต์ สะท้อนให้เห็นเทรนด์ที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ไม่หยุดนิ่ง

การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าถือว่าตอบโจทย์วิถีชีวิตชาวกรุงที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว ส่งผลให้ทำเลแนวรถไฟฟ้าทั้งเส้นทางที่เปิดให้บริการแล้วและที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างมีความต้องการซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าทุกสายในราคาไม่เกิน 20 บาทตลอดสาย และจะเริ่มโครงการในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกที่ช่วยส่งเสริมให้ดีมานด์ที่อยู่อาศัยแนวรถไฟฟ้าเติบโตอย่างน่าสนใจ

สำหรับทำเลแนวรถไฟฟ้า BTS และ MRT ที่ได้รับความสนใจซื้อ/เช่ามากที่สุดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 อันดับ 1 ได้แก่ BTS อ่อนนุช ทำเลศักยภาพแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ยังคงดึงดูดคนหาบ้านได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยทั้งเป็นย่านธุรกิจ แหล่งช้อปปิ้ง รองรับการเดินทางที่หลากหลาย และจุดเด่นที่เป็นสถานีแรกของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายไปยังสถานีเคหะฯ ในจังหวัดสมุทรปราการ จึงทำให้ไม่ต้องเสียค่าโดยสารส่วนต่อขยายเพิ่ม ประกอบกับการที่โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ยังมีราคาไม่แพง จึงส่งผลให้ทำเลแนวรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช เป็นทำเลศักยภาพที่น่าสนใจอย่างยิ่งทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองหรือลงทุน

ตามมาด้วย อันดับ 2 BTS พร้อมพงษ์, อันดับ 3 BTS ทองหล่อ, อันดับ 4 BTS เอกมัย, อันดับ 5 BTS อารีย์, อันดับ 6 MRT พระราม 9, อันดับ 7 BTS อโศก, อันดับ 8 BTS ปุณณวิถี, อันดับ 9 BTS อุดมสุข และอันดับ 10 MRT ลาดพร้าว 

โดย 8 ใน 10 ของสถานีรถไฟฟ้ายอดนิยมในกลุ่มผู้ค้นหาที่อยู่อาศัย เป็นสถานีที่อยู่ในโครงการรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ซึ่งเชื่อมต่อการเดินทางสู่ใจกลางเมืองซึ่งเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่และย่านธุรกิจสำคัญของประเทศ ส่งผลให้รถไฟฟ้าสายสีเขียวมีปริมาณผู้ใช้บริการสูงที่สุด และเป็นโอกาสของผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่จะพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้

ทำเลใกล้สถานศึกษายังมาแรง ย่าน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครองใจชาวกรุง

เทรนด์การค้นหาที่อยู่อาศัยในทำเลใกล้สถานศึกษา หรือเทรนด์แคมปัสคอนโดฯ (Campus Condo) ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ โดยมีปัจจัยบวกจากการที่ ธปท. ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราว ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อผู้ปกครองที่วางแผนจะซื้อที่อยู่อาศัยใกล้สถานศึกษาของบุตรหลาน เพื่อลดระยะเวลาเดินทางในเมืองหลวง

สำหรับทำเลใกล้สถานศึกษาย่าน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง มีการค้นหาที่อยู่อาศัยเพื่อซื้อและเช่ามากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ด้วยจุดเด่นที่เป็นย่านธุรกิจสำคัญใจกลางเมือง รายล้อมด้วยแหล่งช้อปปิ้งและแหล่งงานสำคัญ มีสถานศึกษาชั้นนำมากมาย รวมทั้งเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS และ MRT จึงกลายเป็นทำเลทองที่รวมความต้องการซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยทั้งจากผู้ปกครอง นักเรียน/นักศึกษา บุคลากรสถานศึกษา รวมทั้งวัยทำงานในย่านนี้ โดยข้อมูลการสำรวจการเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลของ บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส พบว่า ทำเลย่านสยาม-ชิดลม-เพลินจิต ถือเป็นทำเลที่มีราคาที่ดินที่แพงที่สุดในไทย ประเมินไว้ที่ 3.85 ล้านบาทต่อตารางวา ราคาเพิ่มขึ้นถึง 2.7% เมื่อเทียบกับราคา ณ ปี 2567 จึงถือเป็นทำเลศักยภาพที่น่าจับตามองทั้งในมุมผู้บริโภคที่สนใจอยู่อาศัยเองและนักลงทุน

สำหรับ 5 ทำเลใกล้สถานศึกษาที่ได้รับความสนใจซื้อมากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ได้แก่

อันดับ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อันดับ 2 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
อันดับ 3 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
อันดับ 4 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
อันดับ 5 มหาวิทยาลัยศรีปทุม 

ขณะที่ 5 ทำเลใกล้สถานศึกษาที่ได้รับความสนใจเช่ามากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ได้แก่

อันดับ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อันดับ 2 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
อันดับ 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)
อันดับ 4 NIST International School
อันดับ 5 Bangkok Patana School 

ผู้ซื้อ Real Demand มองหาบ้าน/คอนโดฯ ไม่เกิน 2 ล้าน เน้นกะทัดรัดและคุ้มค่า 

จากข้อมูลยังพบว่า ผู้ที่วางแผนซื้อที่อาศัยทั่วประเทศในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ใช้ฟิลเตอร์เพื่อค้นหาบ้าน/คอนโดฯ ที่มี 2 ห้องนอนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมกับครอบครัวขนาดเล็ก และมีพื้นที่เพียงพอในการแยกสัดส่วนของสมาชิกในครอบครัว อันดับ 2 ได้แก่ ที่อยู่อาศัย 3 ห้องนอน และอันดับ 3 ที่อยู่อาศัย 1 ห้องนอน 

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจซื้อเกือบ 3 ใน 4 (72%) สนใจโครงการที่อยู่อาศัยที่ตกแต่งให้ครบแบบพร้อมเข้าอยู่ (Fully Furnished) เนื่องจากช่วยประหยัดงบในการตกแต่งไม่ให้บานปลาย และสะดวกในการย้ายเข้าอยู่ได้ทันที ขณะที่ 29% มองหาโครงการที่ตกแต่งให้บางส่วน (Fully Fitted) ส่วน 20% เลือกโครงการที่ไม่มีการตกแต่งใด ๆ เลย เพื่อนำไปตกแต่งในสไตล์ที่ชื่นชอบด้วยตนเอง

สำหรับราคาที่ผู้ที่สนใจซื้อนิยมค้นหาบนเว็บไซต์ DDproperty.com พบว่าระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทมีการค้นหามากที่สุด สะท้อนให้เห็นว่าผู้ที่สนใจซื้อยังคงให้ความสำคัญกับการค้นหาโครงการที่มีราคาจับต้องได้ (Affordable price) มาเป็นอันดับแรก ประกอบกับภาครัฐมีแผนพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าให้ครอบคลุมหลากหลายเส้นทางมากขึ้น จึงทำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องซื้อที่อยู่อาศัยในย่านใจกลางเมืองที่มีราคาสูง และหันมาเลือกซื้อโครงการในแถบชานเมืองแทน โดยระดับราคาที่อยู่อาศัยที่ชาวไทยสนใจซื้อมากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ได้แก่

อันดับ 1 ระดับราคา 1,000,000 - 2,000,000 บาท 
อันดับ 2 ระดับราคา 500,000 - 1,000,000 บาท
อันดับ 3 ระดับราคา 500,000 - 1,500,000 บาท 
 

ผู้เช่า 9 ใน 10 เลือกโครงการตกแต่งพร้อมอยู่ เผยค่าเช่าไม่เกิน 15,000 บาท/เดือน ยังตอบโจทย์ 

ข้อมูลจากผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ DDproperty.com พบว่า ผู้ที่วางแผนเช่าที่อาศัยทั่วประเทศในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 สนใจค้นหาบ้าน/คอนโดฯ ที่มี 2 ห้องนอนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คล้ายกับฝั่งผู้ซื้อ เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่อาศัยเป็นครอบครัวขนาดเล็ก ขณะที่อันดับ 2 สนใจเช่าที่อยู่อาศัย 1 ห้องนอน และอันดับ 3 สนใจเช่าที่อยู่อาศัย 3 ห้องนอน 

โดยผู้ที่สนใจเช่าเกือบ 9 ใน 10 (88%) ต้องการเช่าบ้าน/คอนโดฯ ที่ตกแต่งครบครันพร้อมเข้าอยู่ (Fully Furnished) มากที่สุด ตอบโจทย์ความสะดวกในการย้ายเข้า-ออกได้ทันที ไม่ต้องกังวลเรื่องการขนย้ายหากต้องโยกย้ายทำเลในอนาคต นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจเช่ายังสามารถนำงบที่จะซื้อเฟอร์นิเจอร์ไปใช้จ่ายด้านอื่นแทนได้ ขณะที่ 20% สนใจโครงการที่ตกแต่งให้บางส่วน (Fully Fitted) โดยมีผู้ที่สนใจเช่าเพียง 9% เท่านั้นที่เลือกบ้านหรือห้องเปล่าที่ไม่มีการตกแต่งใด ๆ 

ขณะที่ระดับค่าเช่าส่วนใหญ่ที่มีผู้เช่าค้นหามากที่สุดอยู่ในช่วงไม่เกิน 15,000 บาท/เดือน ซึ่งถือเป็นค่าเช่าที่อยู่ในระดับปานกลาง ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เช่าที่คาดหวังคุณภาพชีวิตที่ดีผ่านการอยู่อาศัยในย่านที่มีความเจริญ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้า 

อย่างไรก็ดีหากเทียบกับการซื้อที่อยู่อาศัยแล้ว การเช่าช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินที่อาจได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนได้ดีกว่า และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินในช่วงที่เศรษฐกิจท้าทายเช่นนี้ โดยระดับราคาที่อยู่อาศัยที่ชาวไทยสนใจเช่ามากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ได้แก่

อันดับ 1 ระดับค่าเช่า 10,000 - 15,000 บาท/เดือน
อันดับ 2 ระดับค่าเช่า 6,000 - 10,000 บาท/เดือน 
อันดับ 3 ระดับค่าเช่า 10,000 - 20,000 บาท/เดือน

รู้จักกับ DDproperty

DDproperty (ดีดีพร็อพเพอร์ตี้) เป็นแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย ในเครือ PropertyGuru Group (พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป) ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ DDproperty มีส่วนในการพลิกโฉมวิธีการค้นหาบ้านมาสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ และช่วยให้คนไทยตัดสินใจซื้อ-ขาย-เช่า-ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมั่นใจ

ปัจจุบัน DDproperty เป็นแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ค้นหาที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ โดยมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 62%* ในเมืองไทย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่ www.DDproperty.com; www.PropertyGuruGroup.com รวมไปถึงช่องทางโซเชียลมีเดียของเรา ได้แก่ Facebook, Instagram, YouTube, TikTok และ LinkedIn

*อ้างอิงข้อมูลจาก SimilarWeb ช่วงระหว่างเดือน พฤศจิกายน 2567 เมษายน 2568

รู้จักกับ PropertyGuru Group

พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ1ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ค้นหาบ้านกว่า 32 ล้านราย2 ในการเชื่อมต่อกับเอเจนต์กว่า 50,000 ราย3 เพื่อเข้าเยี่ยมชมและใช้บริการบนเว็บไซต์ในแต่ละเดือน พร็อพเพอร์ตี้กูรูและบริษัทในเครือช่วยให้ผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยทั่วภูมิภาคได้เข้าถึงรายการประกาศขาย-เช่าที่มีมากกว่า 2.1 ล้านรายการ4 อีกทั้งยังมีข้อมูลเชิงลึกและโซลูชั่นต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคในสิงคโปร์, มาเลเซีย, ไทย และเวียดนาม ใช้ประกอบการตัดสินใจครั้งสำคัญได้อย่างมั่นใจ

PropertyGuru.com.sg เปิดตัวในประเทศสิงคโปร์เมื่อปี 2550 และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ปได้มุ่งมั่นทำให้การค้นหาอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น ตลอดระยะเวลา 18 ปีที่ผ่านมา พร็อพเพอร์ตี้กูรูได้เติบโตเป็นบริษัทเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ (PropTech) ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่ง ครอบคลุมแพลตฟอร์มตลาดอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ และแอปพลิเคชันมือถือที่ได้รับรางวัลในตลาดหลัก ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และไทย รวมถึงการจัดงานแจกรางวัลด้านอสังหาฯ ที่ยิ่งใหญ่และได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในภูมิภาค ของ PropertyGuru Asia Property Awards พร้อมทั้งการจัดงานกิจกรรมและสื่อสิ่งพิมพ์ที่ครอบคลุมทั่วทั้งเอเชีย

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่ PropertyGuruGroup.com; PropertyGuru Group on LinkedIn

1 อ้างอิงข้อมูลจาก SimilarWeb ช่วงระหว่างเดือน ก.ค. - ธ.ค. 2567

2 อ้างอิงข้อมูลจาก Google Analytics ช่วงระหว่างเดือน ก.ค. - ธ.ค. 2567

3 ข้อมูลระหว่างเดือน ต.ค. - ธ.ค. 2567

4 ข้อมูลระหว่างเดือน ก.ค. - ธ.ค. 2567


บทความที่เกี่ยวข้อง
“MEDEZE” โชว์ศักยภาพผลประกอบการไตรมาส 3/2568 กำไรสุทธิ 160 ล้านบาท เดินหน้าสู่ “Thailand’s First ATMPs” ปักธงผู้นำธุรกิจการแพทย์แห่งภูมิภาค
นางสาวอัญชิสา เหล็กเพ็ชร (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน นายแพทย์วสวัตติ์ สร้อยทอง (ซ้าย) นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE
15 พ.ย. 2025
PSGC เดินหน้าธุรกิจเหมืองและทรัพยากร พร้อมลงทุนในบริษัทเวียดนาม กำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 888% จากไตรมาสก่อน
บริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PSGC (ชื่อย่อหลักทรัพย์ PSG) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 187.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 887.9%
15 พ.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy