การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบที่เป็นวาระแห่งชาติ
นายพรชัย ฐีระเวช
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายกฤษฎา
จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ได้เข้าร่วมงานแถลงนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบที่เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน
2566 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเชิงรุกเพื่อที่จะต่อสู้กับปัญหาหนี้นอกระบบของประชาชนในทุกมิติอย่างครบวงจรและต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง
เป็นตัวกลางในการช่วยไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบ และจัดให้มีแหล่งสินเชื่อในระบบ สำหรับในส่วนของกระทรวงการคลังจะเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือดูแลลูกหนี้นอกระบบให้เข้ามาเป็นลูกหนี้ในระบบเพื่อให้หลุดพ้นจากวงจรการเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว
ในการนี้ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวถึงการดำเนินการในส่วนของกระทรวงการคลังว่า
ปัจจุบันสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐโดยธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) จัดให้มีแหล่งเงินทุนในระบบผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
อาทิ โครงการสินเชื่อธนาคารประชาชนเพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบโดยธนาคารออมสิน
วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน
50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ร้อยละ 1 ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน 5 ปี สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยเพื่อเป็นเงินทุนหรือเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพโดยธนาคารออมสิน
วงเงินสินเชื่อไม่เกินรายละ 100,000 บาท
อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ร้อยละ 1 ต่อเดือน ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 8 ปี
หรือ 96 งวด และสินเชื่อกองทุนหมุนเวียนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนโดย
ธ.ก.ส. เพื่อสงวนรักษาที่ดินจากการจำนอง ขายฝาก หรือใช้ที่ดินเป็นประกัน
วงเงินสูงสุด 2.5 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 20 ปี สำหรับเจ้าหนี้นอกระบบ
หากต้องการจะประกอบธุรกิจการให้สินเชื่อที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถยื่นขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์กับกระทรวงการคลังได้
โดยใบอนุญาตประเภทพิโกไฟแนนซ์มีเงื่อนไขสำคัญเบื้องต้น คือ
ต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
สามารถปล่อยสินเชื่อให้ลูกหนี้รายละไม่เกิน 50,000 บาท
และเรียกเก็บดอกเบี้ยแบบมีหลักประกันได้ไม่เกินร้อยละ 33 ต่อปี
และแบบไม่มีหลักประกันได้ไม่เกินอัตราร้อยละ 36 ต่อปี แบบลดต้นลดดอก สำหรับใบอนุญาตประเภทพิโกพลัสต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า
10 ล้านบาท สามารถปล่อยสินเชื่อให้ลูกหนี้รายละไม่เกิน 100,000 บาท โดยสินเชื่อในส่วนที่เกิน 50,000 บาทขึ้นไป
เก็บอัตราดอกเบี้ยสูงสุดได้ไม่เกินร้อยละ 28 ต่อปี แบบลดต้นลดดอก ทั้งนี้
ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ไม่สามารถรับฝากเงินจากประชาชนได้
และสามารถเปิดให้บริการปล่อยสินเชื่อได้เฉพาะภายในจังหวัดที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้น
ทั้งนี้ ณ เดือนตุลาคม 2566 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และเปิดดำเนินการแล้วสะสมสุทธิ
1,132 ราย ใน 75 จังหวัด (ยกเว้นอ่างทองและสิงห์บุรี) และ ณ เดือนกันยายน 2566 มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยไปแล้วสะสมเป็นจำนวนทั้งสิ้น
3,797,385 ล้านบัญชี
รวมเป็นวงเงิน 36,431.83 ล้านบาท
โดยนิติบุคคลที่สนใจประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถดูข้อมูลรายการยื่นคำขออนุญาตได้ที่
www.1359.go.th และสำหรับประชาชนที่สนใจขอกู้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์
ได้ที่ www.1359.go.th เช่นกัน