กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 36.50-37.00 หลังจ้างงานสหรัฐฯลดความร้อนแรง
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด
(มหาชน) ประเมินเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 36.50-37.00
บาท/ดอลลาร์ เทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 36.80 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง
36.75-37.10 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)คงดอกเบี้ยในช่วง
5.25-5.50% ตามคาด
โดยเฟดให้ความเห็นว่าการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอาจจะเกิดขึ้นล่าช้ากว่าที่ได้ประเมินไว้เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯลดลงช้า
อย่างไรก็ดี
นักลงทุนขานรับประเด็นที่ว่าประธานเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะกลับมาปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในวัฎจักรนี้และยืนยันว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงในระยะถัดไปบนเงื่อนไขที่ว่าเฟดต้องการความเชื่อมั่นมากกว่านี้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในทิศทางขาลง
ส่วนเงินเยนพุ่งขึ้นจากจุดต่ำสุดรอบ 34 ปี ขณะที่ข้อมูลบ่งชี้ว่าทางการญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาดด้วยการซื้อเยนเป็นครั้งแรกในรอบ
18 เดือน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 2,170 ล้านบาท
แต่มียอดซื้อพันธบัตรสุทธิ 7,145 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี ให้ความเห็นว่า
หลังการจ้างงานสหรัฐฯลดความร้อนแรงลงในเดือนเมษายน
อีกทั้งมุมมองตลาดเรื่องการคงดอกเบี้ยสูงยาวนานของเฟดได้ถูกสะท้อนอยู่ในราคาพอสมควรแล้ว
นอกจากนี้ เฟดเปิดเผยว่าจะชะลอการปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening) ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
โดยเฟดจะปล่อยให้ขนาดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯลดลง 2.5
หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน เทียบกับอัตรา 6
หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนในปัจจุบัน
แต่เฟดจะยังคงปล่อยให้การถือครองหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (Mortgage-backed Securities) ลดลง 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนตามเดิม
เรามองว่าบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่สดใสขึ้นอาจทำให้เงินดอลลาร์เผชิญแรงขายทำกำไรในระยะนี้
สำหรับปัจจัยในประเทศ กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือนมีนาคมลดลง
10.9%
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวครั้งแรกรอบ 8 เดือน
ทางด้านธปท.เห็นว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/67
ยังเป็นไปตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ประเมินไว้ ทั้งนี้
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 0.19%
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
ในภาพรวมเรามองว่าจังหวะเวลาการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของกนง.มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น