กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 35.50-36.30 ติดตามบีโอเจและเฟด

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)ประเมินเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50-36.30 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 35.82 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังสหรัฐฯรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์สูงเกินคาด ส่งผลให้นักลงทุนไม่แน่ใจว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายนหรือไม่ ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI)ทั่วไปเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงานสูงขึ้น 3.8% นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI)ทั่วไปและพื้นฐานในเดือนกุมภาพันธ์พุ่งขึ้นเกินคาดเช่นกัน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯฟื้นตัวน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 5 ล้านบาท และ 11,670 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่าตลาดจะติดตามการประชุมเฟดวันที่ 19-20 มีนาคม ซึ่งคาดว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.25-5.50% ขณะที่จุดสนใจหลักจะอยู่ที่ Dot Plot หรือประมาณการดอกเบี้ยที่จัดทำโดยเจ้าหน้าที่เฟด กรณีที่ Dot Plot บ่งชี้ว่าเฟดมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไม่ถึง 3 ครั้งในปีนี้ จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์ได้แรงหนุนขึ้นต่อ ทางด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)ซึ่งจะประชุมวันที่ 18-19 มีนาคม อาจจะประกาศยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบเพื่อให้เหมาะสมกับบริบทของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อมากขึ้น ขณะที่สหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นค่าแรงขึ้นเหนือ 5% เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี อนึ่ง ผู้เข้าร่วมตลาดคาดว่าบีโอเจจะเปลี่ยนแปลงนโยบายพร้อมกับท่าทีระมัดระวังเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยหากบีโอเจส่งสัญญาณว่าอาจเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว จะไม่เพียงพอที่จะทำให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นได้

สำหรับปัจจัยในประเทศ นักลงทุนจะให้ความสนใจความคืบหน้าและแนวทางของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการ Digital Wallet หลังครบ 30 วันหลังจากตั้งคณะกรรมการเพื่อรับฟังความคิดเห็นในวงกว้างและศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในภาวะเช่นนี้ กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์มองว่าสินทรัพย์สกุลเงินบาทยังไม่สามารถดึงดูดกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายได้ต่อเนื่อง หากยังมีความไม่แน่นอนด้านนโยบายท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพการเติบโตที่ถูกลดทอนลง

Visitors: 7,236,561