“สคร. จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสม ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2566 จำนวน 79,429 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 53 ของเป้าหมายทั้งปี”
นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่าในปีงบประมาณ 2566 สคร. มีเป้าหมายในการจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ50 (เงินนำส่งรายได้แผ่นดินฯ) จำนวน 149,600 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2566 (1 ตุลาคม 2565 - 31 มีนาคม 2566) สคร. สามารถจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 79,429 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ53 ของเป้าหมายการจัดเก็บในปีงบประมาณ 2566 ซึ่งสูงกว่าประมาณการสะสมจำนวน 14,809 ล้านบาท โดยเงินนำส่งรายได้แผ่นดินส่วนใหญ่มาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคธนาคารออมสิน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นต้น ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้แผ่นดินสะสมสูงสุด 10 อันดับแรก ณ สิ้นไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2566 มีดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
ลำดับที่ |
รัฐวิสาหกิจ |
เงินนำส่งรายได้แผ่นดิน |
1 |
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล |
19,115 |
2 |
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) |
18,979 |
3 |
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค |
8,637 |
4 |
ธนาคารออมสิน |
8,055 |
5 |
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย |
7,507 |
6 |
การไฟฟ้านครหลวง |
3,804 |
7 |
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ |
2,731 |
8 |
การท่าเรือแห่งประเทศไทย |
2,577 |
9 |
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย |
2,011 |
10 |
การประปานครหลวง |
1,204 |
11 |
อื่นๆ |
4,809 |
|
รวม |
79,429 |
หมายเหตุ : ข้อมูลเงินนำส่งรายได้แผ่นดินของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลัง โดย สคร. จัดเก็บ ไม่รวมเงินนำส่งรัฐประเภทอื่นเช่น ภาษีหรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ
ปีงบประมาณ 2566 เป็นการจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากผลประกอบการในปี 2565 ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 มีเงินนำส่งรายได้แผ่นดินฯ สะสมสูงกว่าประมาณการสะสม เนื่องจากรัฐวิสาหกิจบางแห่งสามารถนำส่งรายได้แผ่นดินสูงกว่าที่ประมาณการไว้ และรัฐวิสาหกิจบางแห่งนำส่งเงินรายได้แผ่นดินโดยเป็นรายการค้างนำส่งจากปีก่อนซึ่งไม่ได้ประมาณการไว้ในปีงบประมาณ 2566 อย่างไรก็ดี สคร. จะกำกับติดตามการนำส่งรายได้แผ่นดินของรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิด โดยจะพิจารณาผลประกอบการ มาตรการของภาครัฐ และการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้การจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินฯ เป็นกลไกในการช่วยรักษาเสถียรภาพทางการคลังต่อไป